วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

6 ขั้นตอน เปลี่ยนเป้าหมายให้เป็นความจริง

6 ขั้นตอนแปลเปลี่ยนเป้าหมายให้เป็นความจริง

ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตครับ
อยากมีสิ่งที่ตนเองต้องการและความฝันไค่วคว้าและพยายามให้มันได้เป็นจริง
ผมมีวิธีการที่จะนำเอาความฝันของคุณให้เป็นความจริง โดยวิธีการของกูรูระดับตำนาน ท่านนโปเลียน ฮิลล์
จากหนังสือ คิดแล้วรวย หรือ Think and Grow Rich มานำเสนอครับ
ทั้ง 6 ขั้นตอนนั้นมีดังนี้
1.ระบุจำนวนเงินหรือ สิ่งที่คุณต้องการไว้ในใจให้ให้ชัดเจน
2.กำหนดสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำเพื่อให้ได้เงิน หรือสิ่งที่ต้องการได้มันมาตามที่ใจปรารถนา
3.ระบุวันที่แน่นอนในการที่จะได้ครอบครองเงินที่ปรารถนา
4.สร้างสรรค์แผนการที่จะบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ และเริ่มลงมือทำทันที
5.เขียนมันลงไป ด้วยข้อความที่ชัดเจนและกระชับถึงจำนวนเงินและสิ่งที่ต้องการ
6.อ่านข้อความที่คุณเขียนออกมาดังๆ
วันล่ะสองเวลา
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ความฝันของทุกคนเป็นจริงเสียที และที่สำคัญที่สุดคือ ลงมือทำครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือคิดแล้วรวย เขียนโดย ท่านนโปเลียน ฮิลล์ ครับ

วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

นิทานสอนใจและนักล่าขุมทรัพย์


นักธุรกิจชาวอเมริกาคนหนึ่ง
หลบพักไปพักร้อนในหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆแห่งหนึ่งในแม็กซิโก
ด้วยความที่ไม่อาจข่มตาหลับ
หลังจากที่ได้รับเรื่องด่วนจากสำนักงานของเขา
ในเช้าวันแรกที่มาถึง
 เขาจึงออกเดินทางไปที่ท่าเรือ
เพื่อสลัดความคิด
ทำสมองให้โล่ง เรือน้อยลำหนึ่งที่มีชายประมงเพียงคนเดียว
 เป็นผู้ควบคุมเรือแล่นเข้ามาเทียบท่า
 ในเรือนั้นมีปลาทูน่าครีบเหลือง
ตัวโตๆหลายตัว
ชายชาวอเมริกาเอ่ยชื่นชม
ชาวแม็กซิกันว่าจับปลามีคุณภาพมาก

“คุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนเนี่ยถึงจะจับปลาได้ขนาดนี้เนี่ย”
 ชาวอเมริกาถาม

“ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก”

ชาวแม็กซิกัน ตอบด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมจนน่าทึ่ง

“แล้วทำไมคุณไม่ออกเรือให้นานขึ้นอีกหน่อยล่ะ จะได้จับปลาให้มากขึ้น” ชายอเมริกาถาม

“จับได้แค่นี้ก็พอกินกันทั้งครอบครัวแล้วก็แบ่งเพื่อนๆ อีกนิดหน่อยแล้ว” ชายเม็กซิกันตอบขณะที่ขยอยขนปลาลงตระกร้า

“แต่ คุณเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรล่ะ”
ชาวแม็กซิกันเงยหน้าขึ้นมอง
และยิ้มให้
“ผมก็นอนตื่นสายๆ
 ตกปลานิดหน่อย เล่นกับลูกๆนอนกลางวันกับจูเลียภรรยาของผม
 แล้วก็เดินเล่นในหมู่บ้านตอนเย็นๆ
ที่ที่ผมจะได้จิบไวน์แล้วเล่นกีตาร์กับเพื่อนๆ ชีวิตผมมีแต่เรื่องให้ทำเต็มไปหมดล่ะ ซินเยอร์”

ชาวอเมริกาหัวเราะแล้วยืดตัวขึ้น
 “คุณครับ ผมจบบริหารธุรกิจมาจากฮาร์วาร์ด ผมช่วยคุณได้น่ะ
 คุณน่าจะออกหาปลาให้ได้มากกว่านี้ แล้วจากนั้นก็ซื้อเรือลำใหญ่ขึ้น
ไม่นานหรอก คุณจะสามารถซื้อ
  เรือเพิ่มอีกหลายลำ
ซึ่งจะทำให้คุณจับปลาได้มากขึ้น
ในที่สุด คุณจะมีกองเรือประมงของตัวเอง ”

เขาพูดต่อไป
“แล้วก็แทนที่คุณจะขายปลาที่จับได้ให้พ่อค้าคนกลาง คุณก็ขายมันให้กับผู้บริโภคโดยตรง
ในที่สุด คุณจะเปิดโรงงานเป็นของตัวเอง คุณจะสามารถควบคุมวัตถุดิบ การผลิต และการจัดจำหน่ายด้วยตัวเองได้ แน่นอนว่าคุณจะต้องออกจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆนี่
ี่ แล้วย้ายไปอยู่ที่แม็กซิโก ซิตี้
หลังจากนั้นก็ลอสแองเจลิส
 และสุดท้ายก็นิวยอร์ต
 ซึ่งคุณจะสามารถบริหารกิจการ
 ที่ขยายตัวออกไปของคุณ
 ได้ถนัดมือขึ้น ”

ชาวประมงเม็กซิกันถามต่อไปว่า
 “แต่ว่า ซินเยอร์ มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันล่ะ”

ชาวอเมริกันตอบว่า
“ก็ 15-20 ปี หรือ 25 ปีเป็นอย่างมาก”

“แล้วหลังจากนั้นยังไงต่อล่ะ ซินเยอร์”
ชาวอเมริกันหัวเราะและบอกว่า
 “นี่หละคือส่วนดีที่สุด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คุณเอาธุรกิจของคุณเข้าตลาดหุ้น
แล้วขายหุ้นบริษัทให้มหาชน เพื่อจะได้รวยมากขึ้นกว่าเดิมอีก คุณจะได้เงินล้านๆเหรียญเชียวน่ะ”

“เป็นล้านๆเหรียญเชียวเหรอ
 ซินเยอร์ แล้วยังไงต่อ”
“ทีนี้คุณก็สามารถเกษียณตัวเองแล้วย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ
ริมชายฝั่ง
ที่ที่คุณจะได้ก็นอนตื่นสายๆ
ตกปลานิดหน่อย เล่นกับลูกๆนอนกลางวันกับจูเลียเมียของคุณ
แล้วก็เดินเล่นในหมู่บ้านตอนเย็นๆ
ที่ที่ผมจะได้จิบไวน์แล้วเล่นกีตาร์
กับเพื่อนๆ ”

ต้องประสบความสำเร็จตามแบบที่หวังก่อนถึงจะได้ใช้ชีวิตที่ต้องการ
บางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันนั้น
ทั้งที่สามารถเกษียณแบบย่อมๆได้
บางสิ่งบางอย่างสามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันนั้น
 เป็นไปได้ไหมที่จะทำให้ได้เร็วทีื่สุด
 เราออกแบบรูปแบบชีวิตที่ใช่
หางานที่รักที่ชื่นชอบและทำเงินจากมัน
สร้างทรัพย์สินในแบบงานที่รัก
ขนาดของความฝันแบบที่ใช่ของคุณ
ไม่ใช่ไปลอกใครมา
เวลาที่นานต้องมีค่าใช้จ่าย คือชีวิตของตัวเราเองครับ
ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือทำน้อยแต่รวยมาก หรือ The 4hour Week
จากทิม เฟอร์ริส

วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

7 แนวคิดเมื่อต้องทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้รัก

ใครๆเมื่อต้องทำงานที่ตัวเองไม่ได้รักเป็นธรรมดาครับที่จะไม่มีความสุข และบางครั้งต้องอึดอัดกับสิ่งที่ต้องฝืนทำ
บางครั้งต้องมาพบว่า....ร่างกายไม่อยากทำ ท้อถอยอย่างไม่มีสาเหตุ เหมือนมีอะไรที่มาบอกว่า...
อย่าทำมันเลยดีกว่า ไปทำงานอื่นเหอะ
ทุกคนต่างก็ต้องทำงานเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ ต่างก็มีเหตุผลลึกๆในใจที่ไม่อยากบอกออกมาให้ใครได้รับรู้
ผมเองในอดีตผมเองก็ไม่ชอบงานที่ทำเท่าไหร่หนักครับ คือต้องเปลี่ยนงานไปขายของ
 ขอเรียนทุกท่านตามตรงว่า โคตรเกลียด
แต่ฝืนทำใจให้รัก และทุกวันที่ได้ขายของเหมือนได้เรียนรู้อะไรใหม่
และคิดว่ามันอาจเป็นบันใดต่อยอดอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้ และมันอาจส่งผลดีกับตัวผมเองก็ได้
และแล้ว สุดท้ายผมก็ถูกไล่ออกตามระเบียบ ( โถ่....เล่ามาทำไม กันนี่ 5555+)
แต่สิ่งที่ได้คืนมาคือ ประสบการณ์และความรู้ที่มาต่อยอดครับ
เมื่อลองย้อนกลับไปดูก็ได้สิ่งที่อยากนำมาแบ่งปันกับทุกท่านเผื่อจะมีประโยชน์บ้างครับ

1.อย่าทำงานเพื่อเงิน แต่ให้คิดเสียว่ามาทำงานเพื่อการเรียนรู้
คนที่เขาจ้างงานเขาไม่ได้จ้างเราฟรีๆสักหน่อย ......ว่าไหมล่ะ เราก็จะต้องจ่ายเงินนี่หนา
ไม่ผ่านเขาก็เอาเราออก แต่ก่อนจากก็ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือไปหน่อยดิ
 นั่นคือ ความรู้และประสบการณ์  ที่เขาเอาไปไม่ได้...ส่วนอย่างอื่นเขาเอาไปหมดครับตามระเบียบ
ความรู้และประสบการณ์นี่หละครับ ที่คุณสามารถนำมาต่อยอดสร้างรายได้และสามารถเรียนรู้เพิ่มเติม
สร้างธุรกิจและรับจ้างฟรีแลนด์ยังได้ครับ

2.มองงานที่ทำในด้านที่เป็นบวก
ลองมองมันในด้านที่ดีเป็นบวกบ้างครับ เพราะผมเองก็ต้องมาทำงานที่ไม่ได้รักเลยอย่างที่เขียนไปในตอนต้น
 แต่ก็ทำใจและมองมันในด้านที่ดีว่า
ผมอาจได้นำความรู้จากสิ่งที่ทำในตอนนี้ ไปต่อยอดในอนาคตได้
เมื่อคิดได้จึงอยากที่จะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ถึงรู้ในใจลึกๆว่า
ไม่ได้ชอบมันเลยก็ตามทีเหอะ

3.ทำใจให้รักกับงานที่ทำและทำมันให้ดีที่สุด
ไม่ได้ชอบงานที่ทำตอนนี้เลย อยากจะลาออกจนตัวอยู่แล้ว
แต่อย่าลืมว่ายังไงก็ต้องกิน ก็ต้องใช้เงิน และมีชีวิตอยู่รอด
ยังไงการทำใจรักมันอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ครับ และทำมันให้ดีที่สุดไปเสียเลยน่าจะดีที่สุด
เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอนครับ งานที่ทำอยู่มันอาจเป็นบันใดเบิกทางสู่สิ่งที่ใช่
ดั้งนั้นการเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งที่ทำอยู่ให้ได้ที่สุด ทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง
ตลอดจนหาที่ทำงานที่อื่นเผื่อครับ เพราะบริษัทมักชอบรับคนที่ยังไม่ออกจากงาน
และคุณสามารถใช้เงื่อนไขนี้ต่อรองกับนายจ้างได้

4.ใช้งานที่ทำอยู่เป็นหนทางสู่โอกาสใหม่ๆ
งานที่ทำอยู่อาจเป็นจริงที่คุณไม่ชอบเลย แต่ลองหาหนทางต่อยอดจากสิ่งนี้ดูครับ
 หรือใช้มันเป็นช่องทางเพื่อเพิ่มทางเลือกเสียเลย ผมมีเรื่องที่อยากมาเล่าครับ คือ
 ผมอ่านเจอเรื่องราวของคนหนึ่งจากบทความแห่งหนึ่ง พี่เขาทำบัญชีแต่ต่อมาเริ่มค้นคบว่า
ตัวเองรักที่จะทำอาหาร แต่มีลูกค้าของสำนักงานบัญชีที่ทำงานด้านนี้อยู่
เมื่อมีเวลาว่าง เธอจึงสมัครเรียนจากลูกค้ารายนี้ จนสามารถทำอาหารออกมาอร่อย
 จึงเริ่มขายนอกเวลาว่างหลังจากทำงาน จนมีรายได้มากกว่าทำงานประจำ จึงตัดสินใจลาออก
 ทักษะการทำบัญชีกลับช่วยเธอทำในสิ่งที่รักที่ชอบให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เพราะทำธุรกิจมันต้องเกี่ยวกับเงินอยู่แล้วครับ

5.เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับงานที่ทำ
ไม่ว่าคุณจะไม่ชอบสิ่งที่ทำอยู่ไม่ว่ามันจะมาจากเหตุผลอะไร
การเรียนรู้และการที่จะมีความสุขกับสิ่งที่ทำ การมองมันในด้านที่ดี
เป็นการฝึกฝนตัวเองให้เป็นคนที่มองโลกในด้านที่ดีครับ
ลองคิดดูสิครับ ไม่มีใครอยากทำงานกับคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข
หากให้คุณต้องอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ร้ายล่ะ ?
 คุณคงต้องตอบว่า... คงจะไม่ชอบ
บางทีครับ งานที่คุณไม่ได้รักมันอาจมา จากคนอื่นที่ไม่ชอบงานนี้
 เพราะจิตใจลึกๆ เราไม่รู้ว่า เขาคิดกับเรายังไง
เมื่อก่อนในวันที่ผมทำงานในที่ทำงานเดิมครับ ผมเคยตอบกับหัวหน้างานผมแบบนี้เลยในอดีต
ผมชอบงานแต่ไม่ชอบคน ผมเกียจนิสัยพี่คนนี้มากเลย วันๆเอาแต่บ่น
พอนึกได้ผมไม่ควรพูดออกไปแบบนี้เลยจริงๆ
 ผมควรเก็บความรู้สึกเอาไว้และมองทุกคนในด้านที่ดี และปรับความคิดของผมเอง
ตลอดจนฝึกให้ตัวผมเองมีความสุขเป็นทางออกที่ดีกว่า
6.ให้คิดเสียว่า.... งานที่ทำอยู่ในตอนนี้ ฉันอาจต้องนำมันมาแก้ปัญหาบางอย่างในอนาคต
 มันจะต้องนำมันมาใช้อย่างแน่นอน
การคิดแบบนี้ช่วยให้คุณทำงานนั้นออกมาให้ดีที่สุดครับ
เพราะเมื่อเจองานที่รักที่ชอบ แน่นอนครับมันต้องมีงานที่ไม่ชอบ
และส่วนมากแล้ว.....มันคือ งานที่คุณเกลียดนั่นหละ
การปรับทัศนคติจะช่วยทำให้งานที่ทำออกมาดีแล้ว และเมื่อได้ลงมือทำในสิ่งที่รักและชื่นชอบ
มันจะช่วยให้งานที่ทำอยู่ดีขึ้นกว่าเก่าครับ เมื่อคุณทำสิ่งปัจจุบันนี้ออกมาดีที่สุด
 งานในอนาคตมันก็ย่อมดีที่สุดเช่นเดียวกัน

7.หาเป้าหมายในชีวิต ด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
การที่ทำงานที่ตนเองไม่ได้รัก จะมาจากการขาดเป้าหมายในชีวิต
มันเป็นมาตั้งแต่ตอนที่เราเรียนกันอยู่แล้วล่ะครับ
ทำไมกันล่ะ นึกถึงตอนอดีตผมในสมัยตอนเรียนมัธยมตอนปลาย
ผมให้เพื่อนกรอกใบสมัครเข้ามหาลัยให้ไง 5555+
 หากสหายรักเห็นว่าข้าน้อยสมควรเรียนคณะไหน มหาลัยอะไรก็เชิญเลย
สุดท้ายเมื่อนึกกลับไปได้ อยากตบหัวตัวเองจริงๆ
โรงเรียนไม่ได้สอนให้คนตั้งเป้าหมายในชีวิต ตัดสินใจที่จะกำหนดชีวิตเอง
 เวลาที่จะเรียนต่อมักถามคนอื่น หรือให้สังคมตัดสินใจให้
และนิสัยนี้มันเลยตามมาจนเราทำงานไงครับ จึงเป็นที่มาให้เราเองต้องมาทำงานที่ตนเองไม่ได้รัก
ต่างจากสังคมต่างประเทศที่ให้เด็กค้นพบตัวเองก่อน สัก1-2 ปี อาจเดินทาง หรือทำงาน
 แล้วตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ
วันนี้หากทำงานที่ไม่ชอบเป็นหน้าที่ของตัวเองแล้วล่ะครับที่ต้องตัดสินใจว่า
จะทำอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี
ไม่มีใครที่จะมารับผิดชอบตัวเองได้ และลงมือเขียนเป้าหมายเสียที
 การหางานที่รักจริงๆแล้วมันคือ การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
เพราะจู่ๆไม่รู้หรอกว่า ชอบอะไร ถึงมีก็เป็นส่วนน้อย เพราะกว่าจะเจอมันต้องใช้เวลา
 การนำเอาการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ
ใส่ในเป้าหมาย รายเดือน รายปี ก็แล้วแต่คุณครับ
ทั้งหมดเป็นเพียงแนวคิดที่ผมรวบรวมมาจากประสบการณ์และสิ่งที่พบมากับตัวผมเองครับ
อาจไม่ถูกต้องที่สุด หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับทักทุกท่านที่อ่านจริงๆครับ

#แดนอิสรภาพ

วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

31 ข้อ ที่ควรรู้และคิดได้ก่อนอายุ 30

มองย้อนกลับไปในอดีตตั้งแต่เรียนจบมาตอนนี้ก็อายุ 30ปีล่ะครับ ชีวิตที่เจออยู่ในตอนนี้ ทำไมกันหนาไม่มีใครมาบอก
หากย้อนเวลากลับไปได้เพื่อบอกตัวเองในอดีต สิ่งที่จะบอกกับตัวผมเอง ผมมีเรื่องมามากที่อยากเล่าและให้ตัวผมเองให้อดีตได้ลงมือทำอะไรหลายอย่างเพื่อที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น และทำให้ได้ข้อคิดดังนี้ครับ
1.ความรู้นอกห้องเรียนสำคัญกว่าการศึกษาในตำรา
2.เวลาเรียนตัวเราเองสามารถหารายได้และสร้างธุรกิจไปด้วยก็ได้ การเรียนเป็นสิ่งจำเป็นแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต
3.เพื่อนสำคัญที่สุด หากคบคนที่ดี ชีวิตก็ดี หากคบคนที่แย่ชีวิตก็แย่ อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น
4.เมื่อมีเวลาว่างหลังจากเลิกเรียน ให้พัฒนาตัวเอง หาวิธีสร้างรายได้ไปด้วยเพราะสิ่งนี้หละที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
ไปตลอดกาล
5.กิจกรรมยามว่างหลังเรียนมหาลัยคือ การฝึกฝนตัวให้สู่การกำหนดเส้นทางของชีวิต
6.ใบปริญญามันแค่เครื่องการันตีว่า จะไม่อดตาย เมื่อจบแล้วอย่าหยุดเรียนรู้
7.หมั่นเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดความรู้สม่ำเสมอ หาหนทางสร้างรายได้ นอกเหนือจากงานประจำ
8.ไม่มีคำว่ามั่นคงจากการทำงานในบริษัท
9.อย่าฟังเสียงจากสังคมเรื่องความมั่นคงในงาน จงฟังเสียงของตัวเองดีที่สุด
10.เมื่อเริ่มแรกตอนทำงาน อย่าก่อหนี้ อย่าเพิ่มรายจ่าย อย่าใช้ชีวิตที่หรูหรา เพราะไลฟ์สไตล์จะทำให้คุณไร้สตางค์
11.เงินที่หามาจากการทำงานหมั่นเก็บออมต่อยอด ลงทุนกับเงินที่หามาได้
12.คนอื่นอยากรวยปล่อยเขารวยไป เขาหาบ้านมีรถ เลิกสนใจมาสร้างสิ่งที่จะทำให้ฝันคุณได้เป็นจริงดีกว่า
13.เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ หมั่นหาความรู้ทางการเงินใส่ตัว และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ
14.อย่าขังตัวเองในห้องสี่เหลี่ยมไม่ว่า บ้าน ที่ทำงาน ออกหาผู้คนเปิดความคิดใหม่ๆเสียบ้าง
15.สมัยนี้ความรู้ดีๆ หาได้ฟรี คุณควรหาเรื่องที่สนใจศึกษา เอาความรู้มาสร้างรายได้สม่ำเสมอ
16.เมื่อเจอเพื่อนหรือคนที่เก่งๆ คุณควรสานสัมพันธ์เอาไว้ เพราะคนพวกนี้จะนำโอกาสมาให้
17.ความเปลี่ยนแปลงคือ สิ่งที่ต้องยอมรับ ทำใจและเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแข็งแร่งขึ้น
18.คำแนะนำจากคนที่ทำงานแผนกบุคคลในใจลึกๆ คือ น้องควรที่จะออกไปสร้างทางเดินชีวิต หรือหากเงินเดือนน้อยน้องควรลาออกไปทำงานที่อื่นดีกว่าที่นี่ แต่เขาจะบอกให้คุณอยู่ต่อและยื้อไว้ ทำไม หากเขาลาออกเขาก็จะเจอแบบคุณไงครับ
19.นายจ้างให้ได้แค่เงิน แต่ไม่ได้ให้อนาคตแก่คุณ
20.ความรู้แค่อย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตอยู่รอด
21.เมื่อต้องการสร้างธุรกิจ ให้นึกไว้เลยว่า...ต้องลำบากกว่างานประจำแน่นอน
22.อย่าไปฟังเสียงคนรอบข้าง ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร หากคุณคิดว่ามันดี ทำเลย
23.ความพร้อมไม่มีจริง จงมือทำไปเลยทั้งที่ไม่พร้อม
24.อย่าเสียเวลาอิจฉาคนอื่น แต่จงเรียนรู้จากเขาว่า ทำมันยังไง
25.คนทุกคนต่างรูปแบบของความสำเร็จ คนบ้าเท่านั้นที่เอาเวลาเปรียบเทียบตัวเองกับชาวบ้าน
26.รูปแบบชีวิต สำคัญที่สุดทั้ง การพัฒนาตัวเอง การเงิน การงาน ความสัมพันธ์ รายได้
27.ครอบครัวสำคัญที่สุด ต่อให้เอาเงินมากขนาดไหนมาให้ ผมก็ไม่เอา
28.เป้าหมายคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด หากพบเจอมันจะเปลี่ยนตัวเองไปตลอดกาล
29.ความฝันคือสิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตอยู่ได้ต่อไป
30.เวลาไม่ใช่เงื่อนไขของความสำเร็จ อายุเท่าไหร่ก็เริ่มต้นชีวิตได้
31.ความกลัวที่แท้จริง คือ การไม่ลงมือทำอะไรเลย

นี่คือสิ่งที่ผมอยากบอกกับตัวเองครับ ผมจึงอยากนำมาแชร์และฝากเพื่อนๆ ที่ได้อ่านบทความนี้ได้จุดความคิดดีๆ
อยากให้ลงมือทำอะไรสักอย่างกับตัวคุณเอง และตอนนี้ถึงอายุตัวผมมากขึ้น แต่ตัวเลขไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไม่ประสบความสำเร็จในแบบที่ต้องการ จะเริ่มเร็วช้ามันไม่ใช่ประเด็นนี่หนา...ว่าม่ะ
#แดนอิสรภาพ
#อิสระในการใช้ชีวิต
แฟนเพจ


วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

43 แนวคิดในการพัฒนาตัวเอง จาก บอย วิสูตร แสงอรุณเลิศ

1.ยิ่งเก็บความกลัว ตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแต่เมื่อลงมือทำมันจะหายไปในที่สุด

2. ลงมือทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ มันจะนำพาเราไปสู่สิ่งใหม่ เราอาจไม่เจอในสิ่งที่รักก้าวแรก ต่อไปเราจะได้เจอในสิ่งที่รักและชื่นชอบในที่สุด

3. ลองคบคนใหม่ๆที่ไม่เคยพบ คบเพื่อนต่างสายงาน กลุ่มคนใหม่ๆต่างสายอาชีพ เพราะมันจะเป็นการทลาย Comport Zone และทำให้โอกาสกว้างขึ้นเรื่อยๆ

4.คุณสามารถสร้างธุรกิจจากไอเดียได้ จะมากหรือน้อย จะเล็กหรือใหญ่ เราต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
หากคุณไม่วางแผนชีวิตให้ดี สักวันหนึ่งจะพบว่า...”เดินมาผิดทาง”

5.หากคุณต้องการเป็นอะไร คุณต้องเป็นอย่างนั้นก่อนที่จะเป็น

6.ผู้คนอยากจ่ายเงิน ตามที่มูลค่าที่เราให้เขา

7.ถ้าโง่ ไม่เห็นค่าของตัวเอง ไม่นับถือตัวเอง เขาจะไม่มีวันสำเร็จ ต่อให้เขาทำมันสำเร็จ เขาจะทลายมันลงในที่สุด
เพราะเขาคิดว่า เขาไม่คู่ควรกับความสำเร็จนั้น

8.สาเหตุของการไม่มีเวลาและไม่มีเงิน มาจากการทำงานที่มีมูลค่าน้อยต่างหาก

9.เป้าหมายที่ดีที่สุดต้องชัดเจนและวัดผลได้

10.คนสำเร็จทำได้เพราะเขาสามารถที่จะควบคุมตัวเองและมีวินัยในการดำเนินชีวิต

11.คนเราเป็นสัตว์ไร้เหตุผล เราใช้ความรู้สึกกำหนดการกระทำ

12.การลงทุนที่ดีที่สุดในโลกคือ การลงทุนในตัวเอง

13.การมีรายได้แค่ทางเดียวเท่ากับไม่มีตัวเลือก เพราะความมมั่นคงไม่มีอยู่จริง

14.เราสามารถใช้เศษเวลาเล็กๆในแต่ล่ะวัน สร้างธุรกิจของตัวเองได้หรือนำไปสร้างอะไรสักอย่างในแบบฉบับของคุณได้

15.วิธีที่ทำให้ฝันเป็นจริงก็คือ ลงมือทำครับ

16.จะเป็นเจ้านายคนอื่น ต้องเป็นเจ้านายตัวเองก่อน

17.ทุกครั้งที่คุณได้เรียนรู้อะไร ให้ถามตัวเองว่า...
“1 ไอเดียที่ได้รับจากการเรียนรู้ครั้งนี้คือ...อะไร”

18.จะอ่านหนังสือหรือติดตามผลงานใคร คุณต้องอ่านความคิดของเขาด้วย

19.คนสำเร็จมองถึงสิ่งที่มี คนล้มเหลวมองหาสิ่งที่ขาด

20.จะทำอะไรให้นึกถึงประโยชน์
ของคนอื่นก่อน

21.เวลาที่กำลังเจอเรื่องร้ายๆ ขอให้ตั้งความคิดไว้ว่า
“ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันมีเหตุผลในตัวของมันเอง มันกำลังนำพาบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่คุณยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรเท่านั้นเอง”

22.วิธีที่ดีที่สุดที่จะดำจัดความคิดลบ ก็คือ "เปลี่ยนเรื่องคิด"

23.เมื่อเจอปัญหา อย่าเรียกว่า ปัญหา แต่ให้เรียกว่าโจทย์ เมื่อมันเป็นโจทย์แสดงว่าคุณต้องแก้ให้ได้

24.เมื่อได้เรียนรู้อะไรสักอย่าง คุณต้องผลิตอะไรสักอย่างจากสิ่งที่รู้

25.หากต้องการที่จะเดินทางต่อไปข้างหน้าในชีวิตของคุณ...ให้ถามตัวเองครับว่า
“เคยเรียนจบ เคยทำงาน เคยเปิดร้าน เคยช่วยเหลือ และเคยผ่านอะไรมาบ้าง มันมอบอะไรให้คุณบ้าง”
และจากคำถามข้างต้น คุณพอที่จะเอาไปช่วยอะไรใครได้ไหม และต่อยอดไปอาชีพอื่นได้อีก

26.วิธีที่จะทำให้คุณเป็นคนกล้าตัดสินใจ คือ ยอมรับการตัดสินใจนั้นไม่ว่าผลอะไรจะตามมา

27.การบริหารเวลาที่ดีที่สุดก็คือ การรรู้เป้าหมายชีวิตตัวเอง

28.เลิกตัดสินคนอื่น ความคิดที่เราตัดสินคนอื่นก็คือ สิ่งที่เราใช้ตัดสินตัวเอง

29.ให้คุณตั้งเป้าหมายให้คุณทำ แต่คุณต้องไม่กดดันตัวเองและให้ปล่อยวางมัน วันนั้นมันจะมาเอง

30.หากชีวิตคุณมาถึงทางตันในสิ่งที่เป็นอยู่ คุณต้องเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ คุณจำเป็นต้องหาใครสักคนที่เก่งกว่าคุณพาคุณไปสู่จุดถัดไปของชีวิต

31.คำพูดของคุณคือ ชีวิตทั้งหมดของคุณ หากอยากให้ชีวิตเดินไปข้างหน้า คุณต้องเปลี่ยนสิ่งที่พูด

32.วิกฤตคือโอกาส คุณสามารถที่จะหาเส้นที่กั้นบางๆ ระหว่างทั้งสองสิ่งขึ้นอยู่กับมุมมองในชีวิตคุณ

33.วิธีการเปลี่ยนแปลงในเป็นคนใหม่ นั้นก็คือการลงมือทำในสิ่งที่คุณกลัว

34.อยากได้โอกาสทางธุรกิจใช่ไหมครับ นี่คือคำถามที่คุณถามตัวเองว่า
“หากวันนี้ไม่มีข้อจำกัดทางธุรกิจ ฉันจะทำอะไรดี ?”

35.การขายคือ การโน้มน้าว

36.ถ้าวันนี้คุณกำลังสบาย คุณกำลังเดินมาผิดทาง คุณจำเป็นต้องหาอะไรที่อึดอัดมาทำให้คุณโตขึ้น

37.สาเหตุของความเร่งรีบคือ คุณไม่รู้จักการจัดลำดับความสำคัญของชีวิต อะไรมาก่อนหลังที่สำคัญ จงทำในวันที่มันยังไม่เร่งด่วน

38.ความสุขที่สุดของชีวิตคนก็คือ การอยู่กับตัวเอง

39.วิธีเพิ่มโอกาสให้ตัวเองก็คือ พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นและปิดโอกาสให้ตัวเองพบเจอกับผู้คน

40.ก่อนที่จะทำอะไรสักอย่าง คุณต้องมองภาพรวมของสิ่งที่ทำเสียก่อน

41.การขจัดความท้อแท้ที่ดีที่สุดก็คือ หาอะไรทำ

42.จงเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง ต้องลงมือทำยิ่งลงมือมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งพบเจอโอกาสมากเท่านั้น

43.จงพัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับเป้าหมายที่คุณหวังเอาไว้ หากเอาแต่เขียนไว้เป้าหมายไม่มีทางที่จะลอยมา

ขอบคุณพี่บอย วิสูตรด้วยครับ สำหรับข้อมูลที่ผมรวบรวมมาถ่ายทอด
และคุณสามารถติดตามผลงานของพี่บอยได้ทีื่่
facebook.com/boywisootFanpage/

#แดนอิสรภาพ
#อิสรภาพในการใช้ชีวิต

ติดตามผลงานทางแฟนเพจ
  www.facebook.com/dan.xisaraaphap

วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

37 อุปนิสัยฝึกฝนสู่ประตูความสำเร็จ

ผมเชื่อครับว่า ทุกคนอยากประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วหากต้องการพัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับความสำเร็จที่หมายปอง
คุณต้องมีแนวทางที่ใช้เป็นหลักคิด เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองผมได้ทำการศึกษาจากข้อมูลหลายแหล่ งและทำการรวบรวมมาได้ดังนี้ครับ
1.การบริหารเวลาโดยการแบ่งเวลาเล็กๆในแต่ล่ะวัน มาพัฒนาตัวเอง
2.การคิดอย่างเป็นระบบ วางแผนอะไรมาก่อนหลัง
3.การเรียนรู้จากความล้มเหลวของตัวเองและคนอื่น
4.มีต้นแบบในการสร้างทางเดินชีวิตตามที่ตนเองฝัน เชื่อว่าเขาทำได้เราก็ทำได้
5.มีความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่หลงระเริงตน ให้เกียรติคนอื่น
6.ไม่นินทาใครลับหลัง หลีกเลี่ยงการซุบซิบนินทาใคร
7.ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น
8.ปล่อยวางเรื่องเล็กๆน้อยๆ
9.เรียนรู้ตลอดชีวิต สนใจกระหายใคร่รู้ตลอดเวลา
10.เข้ากับคนอื่นได้ง่าย วางตัวได้ทีกับทุกคน
11.ช่วยเหลือคนอื่นเสมอ คิดถึงคนอื่นมาก่อนตัวเอง
12.เชื่อว่ายิ่งให้ ยิ่งได้ แต่มีเหตุผลที่ชัดเจนในการให้อะไรใครไปแล้ว
13.เป็นผู้รับที่ดีเสมอ คือ เต็มใจที่จะรับสิ่งที่ผู้อื่นให้และมีความสุขกับสิ่งที่คนอื่นให้มา
14.เมื่อความทุกข์เข้ามาในชีวิต จะมีวิธีที่จัดการรับมือในแบบของตัวเอง
15.มองภาพของความสำเร็จเป็นมิติด้านสุขภาพ การงาน การเงิน การพัฒนาตัวเอง สังคม และการให้ความช่วยเหลือ(ผมขอสรุปตามความเข้าใจของผมครับ )
16.เมื่อคิดได้จะลงมือทำทันที ไม่มีการผัดวันประกันพรุ่ง
17.คิดให้ใหญ่ แต่ทำเล็กๆต่อยอดจากความสำเร็จเล็กๆ ไปสู่สิ่งที่ใหญ่ขึ้น
18.มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่ชัดเจน
19.การจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สิ่งของที่จัดวางเป็นระเบียบคือการฝึกให้คิดอย่างเป็นระบบ
20.มีความซื่อตรงจริงใจ ไม่โกหกหลอกลวงใครลับหลัง
21.เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิด และจะฟังเสียงคนรอบข้างประกอบการตัดสินใจ
22.ไม่ประมาทในการได้ลงมือทำสิ่งต่างๆ จะต้องศึกษา เรียนรู้ ตลอดจนสอบถามผู้รู้
23.เปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นห้องการเรียนรู้ เช่น เวลารถติดเอาหนังสือเสียงมาเปิดฟัง
เวลานั่งรอรถเมล์เอาหนังสือมาอ่าน
24.หลีกเลี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่เป็นลบ ตลอดจนหาวิธีจัดการกับสิ่งลบๆที่ตัวเองต้องพบเจอ
25.รักษาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ถนอมน้ำใจคนรอบตัว
26.เก็บความรู้สึกเป็น ไม่ระบายออกมาให้ใครรู้ และจะมีวิธีการจัดการในแบบของตัวเอง
27.มองหาโอกาสจากความคิดของตัวเอง ต่อยอดจากสิ่งหนึ่งไปสู่สิ่งหนึ่ง
28.ชอบแก้ปัญหาให้คนอื่น ช่วยเหลือคนที่พบอุปสรรคให้พบเจอทางออก
29.ไม่ย่อท้ออะไรง่ายๆ ต่อให้มองไม่เห็นทางเพราะรู้ว่า สิ่งที่เลือกมันใช่แล้ว
30.มีวิธีการจัดการเงินที่หามาได้อย่างเป็นระบบ
31.จะทำอะไรจะต้องชัดเจนกับตัวเอง วิเคราะห์สิ่งที่จะทำว่าใช่หรือไม่
32.ยอมรับผลของการตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองได้เลือก
33.รักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตทุกวัน
34.การมองวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส โดยศึกษาแนวคิดจากคนที่ทำมันสำเร็จในสิ่งที่สนใจว่าอยากทำ
35.รู้รูปแบบชีวิตแบบไหนที่ใช่ของตัวเอง งานที่รัก รายได้เท่านี้เพียงพอต่อคำว่าอิสรภาพ สังคมแบบไหนที่ใช่สำหรับตัวเอง
วางแผนจัดการกับชีวิตไม่เดือดร้อนยามลำบาก ลงทุนทั้งเงิน เวลา แรงกายสร้างทรัพย์สินแบบที่ใช่ของตัวเอง
36.ดำเนินชีวิตด้วยทางสายกลางไม่บีบคั้นตัวเอง
37.รู้จักคำว่า พอ แต่ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองครับ

ทั้งหมดคือ อุปนิสัยที่เป็นแนวทางจะพาคุณสู่ประตูแห่งความสำเร็จ ทุกคนย่อมมีหนทางที่เป็นแบบของตัวเอง
ที่ใช่และไม่ใช่ของคนอื่น เพราะทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ตามแบบที่ต้องการ หากเปรียบชีวิตคือถนน
ทุกคนเป็นเหมือนถนนที่ต่างกัน ต่างที่จุดเริ่ม ต่างจุดนัดพบ ต่างสิ่งที่ต้องเจอ ต่างสภาพแวดล้อมที่มองเห็นทั้งสองข้างทาง ถึงถนนบรรจบกันแต่ต้องมีวันที่ต้องแยกทาง และต่างกันที่ปลายทางแห่งความสำเร็จ