วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หากต้องลาออกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย คุณอยากทำอะไรเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตคุณ

เมื่อวานได้มีโอกาสออกเที่ยวครับ
เพราะต้องต้องหาอะไหล่ให้กับลูกค้า
ตะเวนมาเกือบครึ่งจังหวัดกว่าจะหาของที่ใช่เจอ ? ก็มุมเล็กๆในเมืองน่ะครับ 
"ท้อหนะกับค่าบริการแค่ไม่กี่ร้อยบาทเอง อะไหล่แค่90บาท ค่าบริการแค่ 300บาทเอง บวกแล้ว 390บาท "

เสียเวลา ไม่คุ้มค่า ทำไมอยากทำ?
นี่เป็นคำถามของพนักงานของร้่านสุดท้ายที่ผมหาของจนเจอ

ผมก็บ่นสิครับ โทษลูกค้าคนนี้ด้วย และทำให้ต้องเสียเวลา ค่าน้ำมันและร้อนก็ร้อน 555
ตอนทำงานประจำไม่ต้องมาเอาอกเอาใจใครขนาดนี้เลย
สุดท้ายก็รับของมาแต่...
ก้อออกไปบ่นต่อที่หน้าร้านและตามตลาดนัดในตัวเมือง
ระหว่างนั่งบ่น โทษท่านลูกค้าคนนี้อยู่ในใจ...
มีชายคนเดินผ่านมาและคุย:-โทรศัพท์ไปด้วย

"พี่ผมมีก๋วยจับสูตรใหม่ให้พี่มาลองกินได้ป่ะ 555"

เขาคุยกับชายในโทรศัพท์แต่....พี่ครับ ท่านทำผมอึ้ง...ไป และที่หน้าจอมือถือ

"หากคุณลาออกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
คุณอยากจะทำ อะไรเป็นครั้งสุดท้าย
ในชีวิตคุณ? "

ช่าย...ผมอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
สิ่งที่เอามาแต่โทษลูกค้ามัน
ไม่ใช่ความคิดของเจ้าของธุรกิจ
พี่เขาที่เดินผ่่านผมไป นั่นคือ
"สิ่งที่ควรคิด"
ไอ้ที่ผมคิดมันเป็นความคิด
ของพนักงานประจำดีๆนี่เอง

"ผมอยากมีบ้่าน"
"เย็นนี้เที่ยว"
"เสาร์นี้เที่ยวไหน"
"อีนั่นไอ้นี่ทำอันนั้นอันนี้ "
"ที่ไหนมีเงินเดือนดีบ้างอ่ะ"
"หัวหน้าขี้บ่นจังเลยว่ะ
กวนตีนลาออกดีไหม"
"ลูกค้าบ่นเรื่องมากจังเลยว่ะ"
"เงินเดือนเยอะๆมีหน้ามีตาในสังคม"
"เงินเดือนน้อยๆ ทำงานที่ไหนสักที่
เขาบบรรจุให้ ซื้อบ้่าน ซื้อรถ
มีสวัสดิการให้
สบายไม่ต้องคิดไรมาก
ตกงานหาใหม่ได้"
และบลาๆ
นี่เป็นความคิดของผมเองทั้ง...
ตอนนี้และที่ผ่านมา
หรือ สิ่งที่ผมควรจะคิดแบบนี้
"ผมจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้"
"มีหนังสืิอดีๆน่าอ่าน"
"พี่ผมมีอะไรใหม่"
"ผมมีโครงการใหม่จะทำในอีก
ไม่กี่เดือนข้างหน้า"
และอื่นๆอีกครับ

สิ่งแรกก่อนอื่นเลยคือ ปรับปรุงสิ่งที่คิด
เรื่องในหัวผมนี่หละ
"คนทำธุรกิจที่ดีไม่มาบ่นเรื่องลูกค้าหรอกเจ้าโง่"
และความสะใจไม่ได้อยู่ทีื่รายได้ เงิน บ้าน หรือภาพความสำเร็จ...จากเป้่าหมาย ธุรกิจ ทรัพย์สินอะไรหรอกครับ
แต่มันคือ

"การได้ทำอะไรสักอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง"

โดยที่อีกคนหนึ่งนั่งดูด้วยสายตาที่ไม่กระพริบกลัวจนใจจะขาด
ในคอกทำงานที่เป็นที่สบายใจของเขา
นั่งดูเพื่อนอีกคนยอมทุ่มทุกอย่าง
เพื่อหนทางที่ตนเลือก
ตัวเองก็ได้แต่อิจฉาและไม่กล้าลงมือทำ
เพื่อนคนที่พร้อมจะเสียบ้าน รถ
หน้าตาในสังคมไปพร้อมกับสิ่งที่ตนรักและมีความสุข
ส่วนตัวเองนั่งทำงานประจำรอเงินขึ้นเดือน
เพื่อนอีกคนรู้ว่าความพร้อมไม่มี
ตัวเองรอจนกว่ามันจะพร้อม
เพื่อนอีกคนขอเป็นปลาที่อยู่ในหนองน้ำ
เพื่อขออิสรภาพในการใช้ชีวิต
ตัวเองขอเป็นปลาในวังเพื่อแลกกับความหรูหราในสังคม
เพื่อนอีกคนขอเพียงงานที่รักและมีความสุขที่ได้ทำมัน เพื่อรากฐานทางจิตใจที่มั่นคงค่อยต่อยอดไปด้่นการเงินและอื่นๆ
ตัวเองมีกองทุนและทางบริษัทวางแผนให้

สรุปที่ผมจะกล่าวคือ
"คุณจะเป็นปลาในห้วย หนอง คลอง บึง แต่ได้อิสรภาพเป็นการตอบแทน
คุณจะเลือกเป็นปลาในวังของพวกเศรษฐีแต่ไม่มีอิสระ
ไปไหนก็ไม่ได้
บางทีอาจเป็นปลาแค่ในตู้กระจกเท่านั้นเอง
คุณไม่จำเป็นต้องบินให้สูงเหมือนใคร
แต่พอใจในสิ่งที่เลือก..จะได้ไหม !?
เอาเท่าที่ไหว ที่มี ไม่จำเป็นต้องรวย
ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ขอให้เลือก
ทีื่จะมีความสุขในตลอดเส้นทางนั้น
ไม่ต้องตัดสินปลาที่ปืนต้นไม้หรอกครับ
แค่อยู่ในโหลแก้วก็เจ็บปวด
แสนทรมาณแล้ว"

นี่คือคำถามครับ?ที่ผมอยากทิ้งท้าย

" หากคุณลาออกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
คุณอยากจะทำ อะไรเป็นครั้งสุดท้าย
ในชีวิตคุณ? "

มาทำตามหัวใจเรียกร้องกันเถอะครับ
#แดนอิสรภาพ
#ความสุขในการใช้ชีวิัต

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วิธีเล็กๆที่จะมีความสุขในทุกวันของชีวิต

นี่คือวิธีการที่จะบรรดาลความสุข
นี่เป็นการบันดาลความสำเร็จ
นี่เป็นก้าวแรกของชีวิต
ที่จะสร้างสรรค์ความรุ่งโรจน์ให้ชีวิต
คนมั่งมีจะมีไม่ได้ถ้าไม่มีมัน
คนสำเร็จจะประสบความสำเร็จ
ไม่ได้หากขาดมันไป
คุณจะผิดหวังร้องไห้และท้อแท้
หากร้องก็ขอร้องให้ร้องมันเสีย
หากผิดหวังจากความทุกข์
จงให้นำสิ่งนี้ไป...จะได้ไหม

   "ขอให้ยิ้ม "
  
  ไม่ว่ากำลังจะเจอสิ่งใดๆ เข้ามา
   ขอให้นำสิ่งนี้ไปได้ไหมครับ
  ยิ้มและหัวเราะ ยิ้มเถอะครับ
ไม่ว่าคุณจะเจออะไร ในเวลาตอนนี้
ี้ ไม่ว่าจะมีใครอยู่เคียงข้าง
จะผิดหวังหรือประสบความสำเร็จ

"จงยิ้ม "

จงยิ้มให้ใจได้เป็นสุข
ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรต่อคุณ
จงยิ้มรับไว้ในใจแก่เขา
เมื่อยิ้มแล้วจงมองโลกในด้านที่ดี
ไม่ว่าปัญหาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ขอให้ยอมรับและแก้ไขมัน
ให้ผ่านพ้นไป !
จงสบตากับปัญหา
แล้้วยิ้มรับกับมัน มองมันด้านที่ดี
ี ความผิดหวังจะเปลี่ยนเป็นชัยชนะ ความล้มเหลวจะเปลี่ยนเป็น
ความสำเร็จ
นี่คือ ....
วิธีเล็กๆที่จะสร้างความสุขในทุกวันของชีวิตครับ...☺

"จงยิ้ม"
#แดนอิสรภาพ

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เทคนิคการบริหารจัดสรรช่วงเวลาของชีวิต



แต่ล่ะวันตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาจนทำงานเลิกกว่าจะมีเวลาว่างได้ก็เพียงช่วงเพียงน้อยนิด เพราะต้องยุ่งกับการทำงานและมาทำกิจวัตรส่วนตัว  แต่เมื่อสามารถที่จัดจัดสรร จนในที่สุดมีเวลาว่างแล้ว ก็ได้เวลาที่จะลงมือทำอะไรสักอย่างเป็นชิ้นเป็นอันเสียที แต่ติดปัญหาก็คือ "มีเวลาจำกัดแต่พยามที่จะเอากิจกรรมจำนวนมากหลายอย่างมาไว้ในเวลาที่มีอยู่แค่น้อยนิด" ทั้งที่จริงคนเราสามารถจดจ่อกับเรื่องใดเรื่ิองได้เท่านั้น ผมมีเกร็ดความรู้ดีๆจากหนังสือ  Millionaire Master Plan หรือชื่อภาษาไทยคือ แผนเก้าขั้นปั้นคุณเป็นเศรษฐี ของคุณโรเจอร์ เจมส์ แฮมมิลตัน มาเขียนให้อ่านกันซึ่งมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้ครับ

บางช่วงคุณต้องการใช้ความคิดสร้างสรรค์ คุณต้องการไอเดียความคิดใหม่ๆ และตอบคำถามว่า "ทำอะไร" ให้คุณแปะความคิดต่างๆ เอาไว้และมองภาพใหญ่ งดรับโซเซียล งดรับโทรศัพท์ อย่ามัวจดจ่ออยู่กับรายละเอียด หรือปล่อยให้ใครทำให้คุณเสียสมาธิได้

บางช่วงคุณจะต้องสื่อสารกับผู้อื่น เช่นการพูดคุยตอบอีเมล์ ตอบคำถามว่า"ทำร่วมกับใคร" เมื่อต้องทำหน้าที่นี้ คุณจะมีรายชื่อของคนที่ต้องติดต่อด้วย รูปของบุคลสำคัญ กระดาษโพสอทที่จดรายละเอียดและเรื่องที่ต้องติดตามภายหลัง ใช้ช่วงเวลานี้พูดคุย ไม่ใช่ฝันกลางวัน หรืิอ ผัดวันประกันพรุ่ง
บางช่วง คุณต้องให้คำปรึกษา ต้องปรึกษาหารือ หรือวางแผนในสิ่งที่จะทำ หรือเพื่อนั่งฟังเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดล้วนแต่คำถามที่เกี่ยวข้องว่า "ทำเมื่อไหร"่ อย่าให้พลังด้่านบวกหรืิอลบเกินไปเข้ามาครอบงำต้องมองตามความเป็นจริง คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน

บางช่วงคุณอาจต้องสนใจกับรายละเอียดของสิ่งที่สนใจ คุณจะต้องมีช่วงเวลาที่สงบ จดจ่อกับเรื่องที่จะต้องทำ ได้อย่างชัดเจนด้วยคำถามว่า"ทำอย่างไร" การจัดเก็บเอกสารต่างๆที่ต้องการให้หาง่าย กำจัดสิ่งที่รบกวนจากรายละเอียดที่ต้องการออกไปทิ้งให้หมด ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบอีเมล์  งดสนใจโซเซียลมีเดียทั้งหลายที่ไม่เกี่ยวกับรายละเอียดที่ต้องการ  ไม่มีสิ่งที่ทำให้จิตใจไขว้เขวออกไปจากสิ่งที่คุณสนใจ และคุณเองพร้อมที่จะรับผิดชอบกับความผิดผลาด ตลอดจนคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ด้วย
บางช่วงคุณอาจต้องการแรงบันดาลใจและจุดมุ่งหมายในชีวิต คุณอาจต้องการค้นหาความสุขภายในใจของตัวเองและมีความสุขที่ได้อยู่กับตัวเองให้ตัวเองได้หยุดพัก คิดถึงแต่สิ่งที่ดีในชีวิตครับ

ต่ทั้งหมดนั้นจะมาจากการที่ตัวเองรู้ว่า ตอนนี้ต้องทำอะไรในช่วงเวลานี้และจดจ่อกับสิ่งนั้นและทำมันให้ดีที่สุดในเวลาที่มีอยู่ ทำมันให้ต่อเนื่องเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ

#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ
ขอบคุณรูปจาก
http://www.freepik.com

การเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองอย่างง่ายๆ


"เงินเดือนเดือนนี้น้อยจังเลย ...! ปรับขึ้นแค่นิดหน่อยเองเพื่อน ทำงานแทบตาย เห้อ"
เพื่อนของผมบ่นหลังจากที่พูดคุยกันตามประสาของคนที่รู้จักกันมาจึงถามสารทุกข์สุขดิบกันตามปกติครับ
นึกถึงตอนทำงานประจำก็ย้อนไปราวปี 2555 ก่อนน่าจะได้ช่วงนั้นการหาข้อมูลยังยากเย็นมาก จะหาบรรดากูรู ผู้เชี่ยวชาญด้านที่สนใจ ตลอดข้อมูลต่างๆเช่นวันนี้ยากเหลือเกิน ผมเองต้องอ่านเอาจากหนังสืิอภาษาอังกฤษ บางครั้งก็โพสถามฝรั่งเขาถึงจะได้คำตอบ ตอบดีมั้งไม่ดีมั้ง ต้องมานั่งเปิดดิกชั่นนารี่หาคำศัพท์แปลมีล่ะตัวเอามาต่อกันเลยเป็นว่าเล่นไม่เหมืิอนสมัยนี้หาง่ายไม่เหมือนกันผมวันที่ทำงานเลยล่ะครับ  อยากรู้ง่่ายมากๆแค่้เพียงกรอกกับอากู๋ถามไรตอบได้หมดจนแทบไม่ต้องมานั่งแปล บางครั้งแปลหน้าเว็บให้ทันทีทันใดได้ทุกภาษา  ที่สำคัญเครื่องมือหาเงินก็มีถมเทไป ่หากเป็นสมัยก่อนไม่มีเงินแสนเงินล้านสร้างธุรกิจไม่ได้หรอกครับครับ วันนี้คุณมีเงินน้อยก็สามารถสร้างธุรกิจได้แค่เปิดเพจขายของออนไลน์ และยังมีช่องทางสร้างรายได้อีกเยอะ ดังนั้น
"ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่เรียนรู้อีกต่อไปแล้วเพราะโลกวันนี้เชื่อมต่อกันหมดไกลเหมือนไกล้ หากไม่เรียนรู้คุณอยู่ในพื้นที่เจริญก็เหมือนไกลทันที"
ที่กล่าวมาข้างต้นเพราะต้องการจะสื่อครับว่า หากเงินเดือนที่มันน้อย บางครั้งการเรียนรู้สิ่งใหม่และการลงมือทำสิ่งที่สร้างรายได้หลังจากงานเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก แหล่งความรู้มีมากทั้งร้านหนังสือ บล็อกที่ให้ความรู้ เพจต่างๆ ยูทูป อีบุ๊ค คอร์สสอนสิ่งที่คุณสนใจทั้งฟรีและเสียเงิน บางครั้งคุณลงเรียนคอร์สในเรื่องที่สนใจจะช่วยย่นเวลาได้มากเลยครับ ไม่ต้องมางมลองผิดลองถูกเองแต่เป็นศิษย์ต้องเลือกครูหน่อยเลือกครูที่เก่งจริงๆน่ะครับ
ดังนั้น วิธีที่้เพิ่มมูลค่าที่ดีที่สุดและง่ายสุดๆคือ เรียนรู้ในสิ่งใหม่เพื่อสร้างทางเลือกให้ชีวิตคุณเองครับ
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

ฟังเสียงคนอื่นมากเกินไป



ในเมื่อจะลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่ไม่วายต้องตามมาก็คืิอ เสียงของคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่จะเข้ามาทั้งหวังดีและไม่หวังดี มาคอยเสนอแนะเอาใจใส่เอาอกเอาใจ ...
คำแนะนำ คำติเตียนเป็นสิ่งที่ดี บางครั้งเป็นการเสนอแนะต่อยอดของสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีขึ้น บางครั้งเป็นการให้กำลังใจในวันที่ท้อแท้ เป็นแรงผลักดันได้ดีในวันที่ท้อแท้ ทุกความเห็นทั้งเห็นดีและเห็นไม่ดี เป็นสิ่งทีื่ไม่ว่าทำอะไรต้องรับฟังเอาไว้ แต่บางครั้งการฟังเสียงของคนอื่นมากเกินไป คุณอาจไข่วเขวในสิ่งที่ทำไปเลย ทำไมน่ะเหรอครับ คนเราในวันที่อ่อนแอมากๆคำแนะนำจากคนที่หวังดีมาเสนอทางออกบางอย่างให้ ยิ่งดีกว่า สบายกว่า จะโดดงับไว้ บางอย่างที่เสนอให้คุณเป็นอะไรนี่คือทางออกสักอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำเลย
บางคนใจดีหน่อยมาให้กำลังใจ บางคนมาขอให้ล้มเลิกกับสิ่งที่ทำอยู่เพราะความรักไม่อยากเห็นคนที่คนรักลำบาก  และมาในรูปแบบต่่างกันต่างเหตุต่างสภาพที่ทุกคนต้องเจอ จะให้กำลังใจในช่วงแรกๆแต่ต้องมาจะเป็นอะไรสักอย่าง มีแรงบันดาลใจอีกแล้ว แต่ต่อมาท้อถอยอีกแล้ว อย่าลืมครับมีใครสักคนหนึ่งที่คุณต้องฟังเสียงของเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน เสียงของคุณเอง!
ฟังเสียงของตัวเองว่าจะเอายังไงดี อยากให้กำลังใจ ปลอบตัวเองก่อนในวันที่ท้อแท้ เมื่อมีกำลังใจนิดๆแล้วจะเอายังไงกับมันต่อไป  จากนั้นมาฟังเสียงของคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยรับฟังทุกความเห็น จากนั้นมานั่งวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรต่อ จากนั้นถามคนที่เข้ามาหาคุณถึงสิ่งที่จะแก้ปัญหา เพื่อที่คุณจะได้เป็นจุดต่อไปถึงคำตอบนั้น ...
ต่อไปเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องมาถามตัวเองว่า สาเหตุของปัญหาที่เจอมันคืออะไร และสิ่งที่เขาบอกมามันมีหนทางอะไรที่สามารถแก้ไขได้บ้าง อะไรดีก็ทำ อะไรไม่ดีก็ไม่ทำหรือไปค้นคว้าถามจากคนที่รู้ หนังสือ แหล่งข้อมูลต่่างๆ เพื่อกำหนดวางแผนหาทางออกของสิ่งที่จะทำต่อไป เมื่อท้อแท้ ท้อถอย อยู่กับคนอื่นได้แต่ต้องให้กำลังใจตัวเอง และหาสาเหตุของสิ่งที่เป็นปัญหาครับ

#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ


9แนวคิด เมื่อชีวิตที่พบเจอต้องเริ่มตอนที่ไม่พร้อม



คุณเคยอ่าน หรือได้เจอคำถามแนวนี้ไหมครับ
"พี่ค่ะตอนนี้หนูมีเงิน  xxx บาทหนูจะเริ่มทำอะไรได้บ้าง"
"ตอนนี้ผมกำลังจะเริ่มลงมือทำแต่ผมกลัวมากครับ"
"ผมไม่พร้อมอะไรสักอย่างเลยพี่ ผมต้องรอก่อน"
และอื่นๆอีกมากที่จะมาทำนองที่ว่า "ไม่มีอะไรพร้อม ตอนนี้มีเงินหรือความสามารถเพียงเท่านี้เอง แต่ทุกอย่างจะติดอยู่ต้องรอให้เพียบพร้อมถึงจะลงมือทำ "
ต่อให้บอกกล่าวว่าคุณจะทำยังไง และคุณจะแก้ไขมันยังไง คุณจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ แต่เขาก็ไม่ที่จะทำมันเสียที "
ผมมีแนวคิดที่น่าจะเป็นประโยชน์มาเล่าเผื่อจะมีประโยชน์ หากต้องเริ่มในวันที่ชีวิตไม่มีอะไรเพียบพร้อม ครับ

1.คุณมีความชื่นชอบและในรักในสิ่งใด
จงถามตััวเองก่อนว่า คุณพอที่จะมีประสบการณ์และความสามารถอะไร ที่คุณอยากจะทำมันและทำมันไก้ดีมาก จนบางครั้งเพื่อนๆยังทึ่ง คนอื่นๆอาจบ่นว่ายากแต่มันง่ายสำหรับคุณเลยล่ะ ซึ่งเราๆมักจะมองไม่ออกหรอกครับจนกว่าคุณจะถามคนข้างๆ บางครั้งหากมองไม่ออกว่าชื่นชอบอะไร ประสบการณ์ก็ยังน้อยหรือไม่สามารถต่อยอดอะไรได้ ทุกอย่างหากเป็นสิ่งที่สนใจ เราสามารถที่จะเรียนรู้ สร้างมันขึ้นมาเองได้ด้วยสองมือได้อยู่แล้วครับ อาศัยการฝึกฝน ทดสอบ เรียนรู้ไปเรื่อยๆได้

2.สิ่งที่คุณรักและความสามารถที่มีีจะสามารถที่จะช่วยเหลือใครได้บ้าง หรือช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ได้
สิ่งที่คุณรักคุณชอบและสนใจ มันต้องแก้ไขปัญหาของคนอื่นที่เขากำลังเจออยู่ในชีวิตของเขาได้
 บางครั้งการให้คนอื่นก่อนแล้วคุณจะได้รับในสิ่งที่ต้องการครับ ยิ่งสามารถช่วยแก้คนจำนวนมากๆยิ่งดี การให้และช่วยเหลือคนอื่นจะเป็นการฝึกฝนให้สิ่งที่คุณกำลังที่จะทำ ดียิ่งขึ้นและช่วยให้คุณเองรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำใช่หรือเปล่า และได้เจอแนวทางที่ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คนที่คุณได้ช่วยและให้เหล่านี้หละครับคือลูกค้าของคุณเอง

3.คุณและลูกค้าของคุณจะได้รับประโยชน์อะไรจากสิ่งที่คุณทำ

คุณจะสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวของลูกค้าของคุณ หรือ คนที่คุณได้ให้และช่วยเหลืออย่างไร เขาจะได้อะไรจากสินค้าและการบริการของคุณ การให้เกินความคาดหวังของลูกค้่า สิ่งที่เขาต้องการจะได้เติมเต็มอย่างคุ้มค่าที่สุดครับ ทุกๆการให้การบริการและการใส่ใจในสินค้าของคุณจะเป็นการเพิ่มคุณค่าในตัวของคุณเองแบะคุณจะมีความสุข ใจรักในสิ่งที่ทำ จนลืมเรื่องเงินไปเลยครับ

4.คุณจะสามารถที่จะเริ่มจากจุดที่คุณมีไปยังจุดที่คุณต้องการได้เพราะไม่มีอะไรเพียบพร้อม จนกว่าจะได้ลงมือทำ
ทุกคนต่างมีความต้องการในชีวิต ต่างระดับของสิ่งที่คาดหวัง ต่างจิตต่างใจ แต่ทุกๆความต้องการคุณจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง และความเพียบพร้อมสมบูรณ์ในสิ่งที่คิดว่ากำลังจะทำ  หากต้องรอความสมบูรณ์ คุณจะผลัดวันประกันพรุ่งจนในที่สุดตัวคุณเองจะไม่ได้ทำมัน เมื่อมีอะไรใหม่เข้ามาคุณจะลืมสิ่งที่อยากที่จะทำ แต่หากคุณทำมันลงไป สิ่งที่ทำจะต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนมันสมบูรณ์ในที่สุดเองครับ

5. การให้กำลังใจตัวเองในวันที่ท้อแท้
ไม่ว่ายังไง...เชื่อไหมครับ ไม่ว่าจะลงมือทำอะไร ทั้งในชีวิตและการทำงานทุกสาขาอาชีพ ความท้อแท้หมดหวังสิ้นกำลังใจคือเพื่อนแท้ในวันที่หมดไฟ คุณจะสามารถให้กำลังใจตัวเองและสร้างแรงผลักให้ต่อสู้กับปัญหาอย่างไร ทุกคนมีวิธีการเป็นแบบของตัวเอง เช่นผมเองเมื่อเจอกับความท้อแท้ผมจะฟังเพลงของพี่ตูน Bodyslam คือเพลงเรือเล็กควรออกจากฝั่ง ฟังแล้วกำลังใจผมจะกลับมาและลุยกับสิ่งที่เจอครับ คุณเองก็มีวิธีการในแบบของคุณเองเช่นกัน เชื่อดิ

6.อย่าอยู่กับคนที่พาคุณจมดิ่งกับปัญหาผลักคุณลงไปจนล้มเลิกในสิ่งที่ทำ แต่ให้อยู่กับคนที่พาคุณขึ้นไปข้างหน้าจนสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้

เคยไหมครับ ถูกด่า ถูกว่า หัวเราะเป็นตัวตลกในสิ่งที่คุณอยากจะทำ บางครั้งไปขอความเห็นใจจากเพื่อนๆทั้งไปในเฟส หรือ นำสิ่งทีืกำลังเจอไปโพสขอคำแนะนำที่ไหนแต่ผลที่ของการให้กำลังใจ คือบางรายจะออกมาเป็นทำนองให้เลิกทำมันเสีย หรือก็ให้กำลังใจแต่ก็ไม่ช่วยอะไร บางรายหัวเราะอย่างสนุกสนาน บางรายก็ให้ด่่าว่าอย่างสนุกปาก รวมความแล้วจะให้คุณต้องย่ำอยู่กับที่หรืิอไม่ก็เลิกไปเลย ก่อนอื่นครับ
"ปัญหาไม่มีใครแก้ได้นอกจากตัวเราเอง เราคนก่อน ก็ต้องเป็นคนแก้?"
จงทำความเข้าใจกับปัญหาแล้วยอมรับมัน และเข้าไปหาคนที่จะสามารถตอบมันได้ หรือ คุณอาจอ่่านหนังสือ หาข้อมูลจากแหล่งต่่างๆ ทั้งวีดีโอหรือบล็อกต่างๆ เว็บที่ให้คำแนะนำในสิ่งที่ค้นหา ทุกปัญหาที่เราเจอมีคนแก้มันไว้แล้วครับเพียงแต่ต้องหาให้เจอเท่านั้นเอง

7.สิ่งที่ทำทั้งหมด คุณไม่ใช่คนแรกที่ทำมัน คุณจะแกะรอยความสำเร็จของคนอื่นแล้วปรับมาใช้ในแบบของคุณ
ครับหากต้องการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งการหาต้นแบบหรือไอดอลของคุณจะช่วยประหยัดเวลาในการเรียนรู้ เพราะปัญหาที่คุณเจอไอดอลของคุณเขาก็เคยผ่านมันมาเช่นกัน คุณสามารถเรียนรู้จากแนวคิด สิ่งที่เขาเคยผ่านมาได้แล้วและปรับเอามาใช้ในสิ่งที่คุณทำครับ

8.ทุกๆวันของชีวิตมีปัญหาที่คุณจะต้องแก้ไขมัน และเมื่อคุณผ่านมันไปได้คุณจะเก่งขึ้นและรอบททดสอบถัดไป
ปัญหาคือเครื่องวัดความสำเร็จ คนที่สามารถแก้ไขปัญหาได้คือคนที่สามารถประสบความสำเร็จในแบบที่ต้องการเป็นได้ ในทุกวันของชีวิตมีเรื่องเข้ามาให้คุณต้องเรียนรู้จัดการและแก้ไขมันครับ เมื่อคุณผ่านมันได้ คุณจะแข็งแกร่งขี้น และผ่านไปเจอบททดสอบที่ใหญ่กว่าเรื่อยๆ การทำใจรับกับปัญหาไม่ว่ายังไงหากมีชีวิตอยู่ใครๆก็ต้องเจอแต่มันจะมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเองไม่ว่าทั้งชีวิตและการทำงาน

9.คุณจะต้องมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในสิ่งที่ทำ
ครับเป็นสิ่งที่อยากจะบอก...การมีเป้าหมายในชีวิตจะเป็นเข็มทิศนำชีวิตไปสู่จุดหมายในสิ่งที่ต้องการ เมื่อคุณได้เป้าหมายในชีวิตของคุณแล้ว ทุกๆวันที่ลืมตาตื่นจะเจอแต่ความสุข การไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องทำอย่างไรต่อไป ทำอะไรดี มาจากการขาดเป้าหมายที่ใช้เพื่อสร้างแรงผลักดันในชีวิต หากเมื่อคุณเจอมันแล้วคุณจะรู้ครับว่าต้องทำยังไงบ้างในแต่ล่ะวัน เมื่อล้มเหลวเป้าหมายจะเป็นตัวฉุดคุณขึ้นไป เมื่อท้อแท้เป้าหมายจะเป็นเครื่องปลอบคุณ เมื่อถูกต่อว่าเย้ยหยันเป้าหมายจะเป็นตัวกระตุ้นเตือนคุณ ไม่ว่าคุณจะเจออะไรในชีวิต เจ้าสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมายนี่หละจะทำให้คุณผ่านทุกอย่างไปได้
สรุปแล้ว คุณต้องออกหาเป้าหมายในชีวิตของคุณเองครับ และอุปสรรคทั้งหมดจะทลายหายไป ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมาย
หวังว่าแนวคิดที่ผมนำมาถ่ายทอดเพราะผมได้ทดลองนำมาใช้แล้วเป็นประโนชน์กับชีวิตของผมเอง จะเป็นประโยชน์แก่คุณเช่นกันครับ
#Xisaraaphaph
#อิสรภาพในการใช้ชีวิต

คุณเคยอ่าน หรือได้เจอคำถามแนวนี้ไหมครับ
"พี่ค่ะตอนนี้หนูมีเงิน  xxx บาทหนูจะเริ่มทำอะไรได้บ้าง"
"ตอนนี้ผมกำลังจะเริ่มลงมือทำแต่ผมกลัวมากครับ"
"ผมไม่พร้อมอะไรสักอย่างเลยพี่ ผมต้องรอก่อน"
และอื่นๆอีกมากที่จะมาทำนองที่ว่า "ไม่มีอะไรพร้อม ตอนนี้มีเงินหรือความสามารถเพียงเท่านี้เอง แต่ทุกอย่างจะติดอยู่ต้องรอให้เพียบพร้อมถึงจะลงมือทำ "
ต่อให้บอกกล่าวว่าคุณจะทำยังไง และคุณจะแก้ไขมันยังไง คุณจะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ แต่เขาก็ไม่ที่จะทำมันเสียที "
ผมมีแนวคิดที่น่าจะเป็นประโยชน์มาเล่าเผื่อจะมีประโยชน์ หากต้องเริ่มในวันที่ชีวิตไม่มีอะไรเพียบพร้อม ครับ

1.คุณมีความชื่นชอบและในรักในสิ่งใด
จงถามตััวเองก่อนว่า คุณพอที่จะมีประสบการณ์และความสามารถอะไร ที่คุณอยากจะทำมันและทำมันไก้ดีมาก จนบางครั้งเพื่อนๆยังทึ่ง คนอื่นๆอาจบ่นว่ายากแต่มันง่ายสำหรับคุณเลยล่ะ ซึ่งเราๆมักจะมองไม่ออกหรอกครับจนกว่าคุณจะถามคนข้างๆ บางครั้งหากมองไม่ออกว่าชื่นชอบอะไร ประสบการณ์ก็ยังน้อยหรือไม่สามารถต่อยอดอะไรได้ ทุกอย่างหากเป็นสิ่งที่สนใจ เราสามารถที่จะเรียนรู้ สร้างมันขึ้นมาเองได้ด้วยสองมือได้อยู่แล้วครับ อาศัยการฝึกฝน ทดสอบ เรียนรู้ไปเรื่อยๆได้

2.สิ่งที่คุณรักและความสามารถที่มีีจะสามารถที่จะช่วยเหลือใครได้บ้าง หรือช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาเผชิญอยู่ได้
สิ่งที่คุณรักคุณชอบและสนใจ มันต้องแก้ไขปัญหาของคนอื่นที่เขากำลังเจออยู่ในชีวิตของเขาได้
 บางครั้งการให้คนอื่นก่อนแล้วคุณจะได้รับในสิ่งที่ต้องการครับ ยิ่งสามารถช่วยแก้คนจำนวนมากๆยิ่งดี การให้และช่วยเหลือคนอื่นจะเป็นการฝึกฝนให้สิ่งที่คุณกำลังที่จะทำ ดียิ่งขึ้นและช่วยให้คุณเองรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำใช่หรือเปล่า และได้เจอแนวทางที่ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คนที่คุณได้ช่วยและให้เหล่านี้หละครับคือลูกค้าของคุณเอง

3.คุณและลูกค้าของคุณจะได้รับประโยชน์อะไรจากสิ่งที่คุณทำ

คุณจะสามารถเพิ่มมูลค่าในตัวของลูกค้าของคุณ หรือ คนที่คุณได้ให้และช่วยเหลืออย่างไร เขาจะได้อะไรจากสินค้าและการบริการของคุณ การให้เกินความคาดหวังของลูกค้่า สิ่งที่เขาต้องการจะได้เติมเต็มอย่างคุ้มค่าที่สุดครับ ทุกๆการให้การบริการและการใส่ใจในสินค้าของคุณจะเป็นการเพิ่มคุณค่าในตัวของคุณเองแบะคุณจะมีความสุข ใจรักในสิ่งที่ทำ จนลืมเรื่องเงินไปเลยครับ

4.คุณจะสามารถที่จะเริ่มจากจุดที่คุณมีไปยังจุดที่คุณต้องการได้เพราะไม่มีอะไรเพียบพร้อม จนกว่าจะได้ลงมือทำ
ทุกคนต่างมีความต้องการในชีวิต ต่างระดับของสิ่งที่คาดหวัง ต่างจิตต่างใจ แต่ทุกๆความต้องการคุณจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง และความเพียบพร้อมสมบูรณ์ในสิ่งที่คิดว่ากำลังจะทำ  หากต้องรอความสมบูรณ์ คุณจะผลัดวันประกันพรุ่งจนในที่สุดตัวคุณเองจะไม่ได้ทำมัน เมื่อมีอะไรใหม่เข้ามาคุณจะลืมสิ่งที่อยากที่จะทำ แต่หากคุณทำมันลงไป สิ่งที่ทำจะต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนมันสมบูรณ์ในที่สุดเองครับ

5. การให้กำลังใจตัวเองในวันที่ท้อแท้
ไม่ว่ายังไง...เชื่อไหมครับ ไม่ว่าจะลงมือทำอะไร ทั้งในชีวิตและการทำงานทุกสาขาอาชีพ ความท้อแท้หมดหวังสิ้นกำลังใจคือเพื่อนแท้ในวันที่หมดไฟ คุณจะสามารถให้กำลังใจตัวเองและสร้างแรงผลักให้ต่อสู้กับปัญหาอย่างไร ทุกคนมีวิธีการเป็นแบบของตัวเอง เช่นผมเองเมื่อเจอกับความท้อแท้ผมจะฟังเพลงของพี่ตูน Bodyslam คือเพลงเรือเล็กควรออกจากฝั่ง ฟังแล้วกำลังใจผมจะกลับมาและลุยกับสิ่งที่เจอครับ คุณเองก็มีวิธีการในแบบของคุณเองเช่นกัน เชื่อดิ

6.อย่าอยู่กับคนที่พาคุณจมดิ่งกับปัญหาผลักคุณลงไปจนล้มเลิกในสิ่งที่ทำ แต่ให้อยู่กับคนที่พาคุณขึ้นไปข้างหน้าจนสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้

เคยไหมครับ ถูกด่า ถูกว่า หัวเราะเป็นตัวตลกในสิ่งที่คุณอยากจะทำ บางครั้งไปขอความเห็นใจจากเพื่อนๆทั้งไปในเฟส หรือ นำสิ่งทีืกำลังเจอไปโพสขอคำแนะนำที่ไหนแต่ผลที่ของการให้กำลังใจ คือบางรายจะออกมาเป็นทำนองให้เลิกทำมันเสีย หรือก็ให้กำลังใจแต่ก็ไม่ช่วยอะไร บางรายหัวเราะอย่างสนุกสนาน บางรายก็ให้ด่่าว่าอย่างสนุกปาก รวมความแล้วจะให้คุณต้องย่ำอยู่กับที่หรืิอไม่ก็เลิกไปเลย ก่อนอื่นครับ
"ปัญหาไม่มีใครแก้ได้นอกจากตัวเราเอง เราคนก่อน ก็ต้องเป็นคนแก้?"
จงทำความเข้าใจกับปัญหาแล้วยอมรับมัน และเข้าไปหาคนที่จะสามารถตอบมันได้ หรือ คุณอาจอ่่านหนังสือ หาข้อมูลจากแหล่งต่่างๆ ทั้งวีดีโอหรือบล็อกต่างๆ เว็บที่ให้คำแนะนำในสิ่งที่ค้นหา ทุกปัญหาที่เราเจอมีคนแก้มันไว้แล้วครับเพียงแต่ต้องหาให้เจอเท่านั้นเอง

7.สิ่งที่ทำทั้งหมด คุณไม่ใช่คนแรกที่ทำมัน คุณจะแกะรอยความสำเร็จของคนอื่นแล้วปรับมาใช้ในแบบของคุณ
ครับหากต้องการทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งการหาต้นแบบหรือไอดอลของคุณจะช่วยประหยัดเวลาในการเรียนรู้ เพราะปัญหาที่คุณเจอไอดอลของคุณเขาก็เคยผ่านมันมาเช่นกัน คุณสามารถเรียนรู้จากแนวคิด สิ่งที่เขาเคยผ่านมาได้แล้วและปรับเอามาใช้ในสิ่งที่คุณทำครับ

8.ทุกๆวันของชีวิตมีปัญหาที่คุณจะต้องแก้ไขมัน และเมื่อคุณผ่านมันไปได้คุณจะเก่งขึ้นและรอบททดสอบถัดไป
ปัญหาคือเครื่องวัดความสำเร็จ คนที่สามารถแก้ไขปัญหาได้คือคนที่สามารถประสบความสำเร็จในแบบที่ต้องการเป็นได้ ในทุกวันของชีวิตมีเรื่องเข้ามาให้คุณต้องเรียนรู้จัดการและแก้ไขมันครับ เมื่อคุณผ่านมันได้ คุณจะแข็งแกร่งขี้น และผ่านไปเจอบททดสอบที่ใหญ่กว่าเรื่อยๆ การทำใจรับกับปัญหาไม่ว่ายังไงหากมีชีวิตอยู่ใครๆก็ต้องเจอแต่มันจะมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเองไม่ว่าทั้งชีวิตและการทำงาน

9.คุณจะต้องมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในสิ่งที่ทำ
ครับเป็นสิ่งที่อยากจะบอก...การมีเป้าหมายในชีวิตจะเป็นเข็มทิศนำชีวิตไปสู่จุดหมายในสิ่งที่ต้องการ เมื่อคุณได้เป้าหมายในชีวิตของคุณแล้ว ทุกๆวันที่ลืมตาตื่นจะเจอแต่ความสุข การไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องทำอย่างไรต่อไป ทำอะไรดี มาจากการขาดเป้าหมายที่ใช้เพื่อสร้างแรงผลักดันในชีวิต หากเมื่อคุณเจอมันแล้วคุณจะรู้ครับว่าต้องทำยังไงบ้างในแต่ล่ะวัน เมื่อล้มเหลวเป้าหมายจะเป็นตัวฉุดคุณขึ้นไป เมื่อท้อแท้เป้าหมายจะเป็นเครื่องปลอบคุณ เมื่อถูกต่อว่าเย้ยหยันเป้าหมายจะเป็นตัวกระตุ้นเตือนคุณ ไม่ว่าคุณจะเจออะไรในชีวิต เจ้าสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมายนี่หละจะทำให้คุณผ่านทุกอย่างไปได้
สรุปแล้ว คุณต้องออกหาเป้าหมายในชีวิตของคุณเองครับ และอุปสรรคทั้งหมดจะทลายหายไป ด้วยสิ่งที่เรียกว่าเป้าหมาย
หวังว่าแนวคิดที่ผมนำมาถ่ายทอดเพราะผมได้ทดลองนำมาใช้แล้วเป็นประโนชน์กับชีวิตของผมเอง จะเป็นประโยชน์แก่คุณเช่นกันครับ
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ


ยิ่งให้ ยิ่งได้ หรือThe Go giver หลักการประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจ


หนังสือที่จะนำมาแบ่งปันครับ คือ ยิ่งให้ยิ่งได้ หรือ The Go-Giver เขียนโดย บ็อบ เบริ์กและจอห์น เดวิด มานน์
เนื้อหาจะเป็นการเล่าถึงชายหนุ่ม ชื่อ โจ ชายหนุ่มที่ทำงานหนัก ทำงานเร็ว และมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดในชีวิต เขาเองการทำงานที่บริษัทคลาสัน-ฮิลล์ทรัสต์ ซึ่งโจเป็นตัวเอกในการดำเนินเนื้อเรื่องทั้งหมด ซึ่งโจเองก็เหมือนกับทุกคนนั่นหละครับที่ต้องการความสำเร็จก้าวหน้าในหน้าที่ของชีวิต เขาจึงได้เข้าหาตัวละครต่างๆในเรื่องและซึ่งท้ายที่สุด ตัวโจได้นำหลักการไปใช้จนชีวิตที่เป็นอยู่ของเขาดีขึ้น ตอนแรกเริ่มนั้นโจตัดสินใจเข้าหาพินดาร์ซึ่งเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในเรื่องหลักการของความลับแห่งความสำเร็จที่พินดาร์ต้องการให้แก่โจคือ
“สิ่งที่เราพุ่งความสนใจไปให้ คือ สิ่งที่เราจะได้รับ ”
ในการนัดพบ พินดาร์ตกลงที่จะสอนโจจึงนัดเขา หลังเที่ยงของแต่ล่ะวัน เพื่อสอนให้บทเรียนรู้และให้หลักการแห่งความสำเร็จแก่เขาเป็นข้อๆ โดยมีตัวล่ะครต่างๆเป็นตัวอธิบายของหลักการนั้น ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึงตัวละครต่างๆครับ แต่หลักการทั้งหมดสามารถที่จะสรุปโดยย่อได้ดังนี้
กฎห้าข้อแห่งความสำเร็จล้นฟ้า
กฎแห่งคุณค่า
“คุณค่าที่แท้จริงของตัวคุณวัดได้โดยการดูว่า มูลค่าของสื่งที่คุณมอบให้ไปนั้นสูงกว่าเงินที่คุณรับมามากแค่ไหน”
กฎแห่งการตอบแทน
“รายได้ของคุณตัดสินโดยดูว่า คุณให้บริการผู้คนจำนวนมากแค่ไหน และคุณให้บริการพวกเขาได้ดีเพียงไร’
กฎแห่งอิทธิพล
“คุณจะมีอิทธพลมากเพียงไร ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณให้ความสำคัญแก่ประโยชน์แก่ผู้อื่นก่อนตัวเองมากกว่าขนาดไหน”
กฎแห่งความจริงใจ
“สิ่งทรงคุณค่าที่สุดที่คุณจะมอบให้แก่ผู้อื่นๆก็คือตัวคุณเอง”
กฎแห่งการรับ
“กุญแจสู่การให้อย่างมีประสิทธิภาพคือเปิดใจกว้างที่จะรับ”
ทั้งหมดเป็นหลักการที่สำคัญในหนังสือครับ และเนื้อหาในเรื่องเองผมเองอบากแนะนำให้ซื้อมาอ่านและน่าเก็บไว้สะสมครับ
เพื่อนๆจะได้เกร็ดความรู้ดีๆที่นอกจากที่ผมเอามาเล่าให้ฟังอีกด้วย ความหนาไม่มากและราคาเองไม่แพง แต่คุณภาพเกินราคาจริงๆและนี่คือสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมเองหวังว่าน่าจะให้ประโยชน์แก่คุณได้ด้วยครับ
1.การให้ทุกอย่างต้องรู้ไปว่าให้ไปทำไม
2. การให้ต้องมีความชัดเจนและวัดผลได้ มีจุดมุ่งหมาย
3.คุณจะต้องให้มูลค่าเติมเต็มกับตัวเองก่อน ซึ่งก็คือ การเห็นคุณค่าในตัวเองครับ การให้สิ่งดีๆกับตัวเอง คนอื่นเขาก็ต้องรับสิ่งที่ดีด้วยเช่นกัน
4.ให้คิดถึงประโยชน์ของคนอื่นมากก่อนเงิน คุณต้องให้เกินสิ่งที่คนอื่นจะได้รับ
5.คุณจะต้องแก้ปัญหาให้กับคนจำนวนมากด้วยความสามารถที่มีและต่อให้ไม่มีคุณจะสร้างมันขึ้นมาอย่างไร
6.จงคิดแต่ที่จะให้เป็นวิถีชีวิต ความซื่อสัตย์จริงใจเท่านั้นเป็นการป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด
7.ผู้คนจะทำธุรกิจ และส่งงาน ต่อไปให้กับคนที่เขารู้จัก ชอบพอ และไว้วางใจ
8.ความร่ำรวยวัดจากการแก้ไขปัญหาให้กับคนอื่น ยิ่งคุณสามารถแก้ไขปัญหาของคนได้มากเท่าไหร่คุณจะมั่งคั่งมากขึ้น
9.ทุกๆการให้เป็นการเพิ่มมูลค่าในตัวคุณและมันเองจะนำคุณไปสู่สิ่งที่คุณต้องการครับ
10.บางสิ่งที่ทำไปแล้วอาจไม่ได้อะไรกลับคืนมา บางทีก็สร้างปัญหาให้ ให้มองครับว่าเป็นโอกาสและมันคือการขัดเกลาเราให้เก่งขึ้น
หวังว่าสิ่งที่นำมาเล่า มาแชร์กับเพื่อนๆคงจะมีประโยชน์ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิต ตลอดจจนด้านต่างๆ เพื่อความสุขในทุกๆวันของชีวิตคุณครับ
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

7 แนวคิดพิชิตความหวาดกลัวในใจคุณ



“จงจดจำเอาไว้ว่า ความไม่กล้าตัดสินใจเป็นตัวบ่มเพาะความกลัว ความไม่กล้าตัดสินใจจะตกผลึกเป็นความลังเลสงสัย สองสิ่งนี้จะรวมตัวกันกลายเป็นความกลัว ขั้นตอนในการรวมตัวกันจะเกิดอย่างช้าๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมศัตรูพวกนี้จึงอันตรายมาก พวกมันจึงก่อตัวและเจริญเติบโตโดยที่เราไม่สังเกตเห็น”

ข้อความบางส่วนจากหนังสือคิดแล้วรวยครับ คำกล่าวของท่าน นโปเลียน ฮิลล์ ที่กล่าวเอาไว้ในหนังสือคงเป็นตัวบอกว่าที่มาของความกลัวนั้นมีรากเหง้ามาจากอะไรกันแน่ครับ
เมื่อจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างหนึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ ความลังเลสงสัยในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปจนขาดความมั่นใจในตัวเองไปในที่สุดครับ
ผมมีแนวคิดหากใครสักคนตัดสินใจแล้วว่า จะลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่งในชีวิต คุณควรที่จะทำยังไง ผมมีแนวคิดมานำเสนอครับ

1. นิยามความกลัว เป็นวิธีการที่ดีสุดอีกหนึ่งวิธีครับ มาจากหนังสือของ Tim Ferris ที่กล่าวไว้ใน The 4 hour workweek การนิยามความกลัวคือการนึกถึงสิ่งที่เลวร้ายที่เป็นผลของการได้ลงมือที่จะทำมันลงไป คุณรับผลที่เกิดได้ไหม สิ่งที่กลัวตอนนี้ครับหน้าตามันน่าจะประมาณไหน สภาพเป็นเช่นไรและสุดท้ายครับ คุณทำใจรับมันได้หรือเปล่า มันจะช่วยให้คุณไม่ประมาณและเตรียมใจรับผลที่เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นครับ

2. ถามตัวเองว่า “ทำไม5ครั้ง”  มาจากหนังสือของ Eris Ries ใน The Lean Starup ครับถึงจะเป็นหนังสือแนวธุรกิจแต่สามารถที่จะปรับมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้ครับ หากย้อนถามตัวเองว่า “ทำไม” ไปเรื่อยๆคุณจะพบสาเหตุของต้นตอปัญหาของความกลัวนั้น และจะดีกว่าครับหากจดมันใส่กระดาษ คุณจะหาวิธีแก้ไปตามสาเหตุนั้นไปเรื่อยจนครบ5ครั้ง

3. การออกไปให้อะไรแก่สังคม เป็นวิธีการส่วนตัวผมเองครับที่อยากนำมาเสนอ การที่คุณได้ลงมือทำอะไรให้กับคนอื่นบ้าง บางครั้งมันอาจไม่ได้ผลที่ตอบกลับมาแต่มันจะเปิดแง่คิดใหม่ๆให้กับตัวคุณเอง ผมเองพึ่งมาเจอวิธีนี้ก็ตอนที่ไปบริจาคเลือดให้สภากาชาดจังหวัดได้แง่คิดที่ว่า “คนตัวเล็กๆสามารถให้คุณค่าแก่สังคมได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จมากมายก็ได้ การให้เล็กๆบางครั้งอาจให้ผลที่ประเมินค่าไม่ได้ทางความรู้สึก” นอกจากนี้มันยังมาคุณไปพบเพื่อนใหม่ เรื่องราวใหม่ สภาแวดล้อมใหม่ๆ ตลอดจนแง่คิดแรงบันดาลใจใหม่ๆด้วยครับ

4.การเขียนสิ่งที่กลัวออกมาใส่กระดาษ แล้วคุณจะรู้ได้ไงล่ะครับว่าที่กลัว มันคืออะไร เขียนมันออกมาเยอะที่สุด การเขียนจะทำให้คุณได้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่กังวลใจอยู่ตอนนี้ การบ่นรำพันไปเรื่อย คุณจะไม่รู้เลยครับว่าสิ่งที่กังวลใจตอนนี้มีอะไรบ้าง การเขียนในกระดาษหรือพิมพ์มันออกมาจะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนความคิดครับ
5.มองหาสาเหตุต้นตอของความหวาดกลัวที่แท้จริง ต่อเนื่องจากข้อด้านบนครับ เมื่อเจอปัญหาแต่ล่ะข้อ มานั่งดูนั่งมอง ลองหาสาเหตุของแต่ล่ะข้อที่หวาดกลัวอยู่ตอนนี้ดูสาเหตุมันน่าจะมาจากอะไร ส่วนมากแล้วจะมาจากสิ่งที่ต้องการและไม่ต้องการในชีวิต ตัดสิ่งที่ทำหชีวิตมีความทุกข์ออกไปครับ มองหาอะไรที่เขียนแล้วตอนนี้น่าจะมีความสุขบ้าง

6.เขียนมันเป็นเป้าหมายครับ ใช่ครับสิ่งที่หวาดกลัวส่วนมากแล้วจะมาจากเป้าหมายในชีวิตที่ต้องการให้เราลงมือทำมัน แต่คนส่วนมากหวาดกลัวและไม่อยากทำมันครับ นานวันเข้าชีวิตของคนนั้นจะเฉาและตายไป ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวเพราะนำเอาความฝัน ความต้องการของคนอื่นมาเป็นแรงผลักดันในชีวิตเขา จนลืมเรื่องของตัวเอง

7.ลงมือทำ เป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่คุณต้องปรับเปลี่ยน ตรวจสอบเป้าหมายสม่ำเสมอครับ ปรับแก้จนมันใช่สำหรับคุณ เป้าหมายที่ดีต้องสร้างความสุขในชีวิต ยืดหยุ่นปรับได้ตามใจ บางทีเราอาจลอกคนอื่นมาไม่รู้ตัวครับ มารู้ทีหลังไม่ใช่ก็ตัดทิ้งได้ไม่น่าจะมีปัญหา อย่าลืมครับคิดวางแผน และการลงมือทำอย่างเป็นระบบด้วยครับ

หากจะลงมือทำอะไรไปสักอย่างจงคิดและทำให้รอบคอบ ไม่ว่าการลงมือทำสิ่งใดให้ผลทั้งดีและเสีย ไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ จะมีใครได้รับผลประโยชน์อะไร เพราะคนที่ได้มันก็คือตัวคุณครับ
ขอบคุณ
หนังสือ The 4hour workweek
หนังสือ The Lean starup
หนังสือ Think and Grow Rich
หนังสือ The Go-Giver
หนังสือ ฉันเปลี่ยนเพราะเขียนเป้า
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

วิธีเพิ่มมูลค่าตนเองได้ดีที่สุด


ผมมาสภากาชาดครับ ที่โรงพยาบาลเพื่อทีืจะบริจาคเลือดครับ
 พี่ที่กาชาดและน้องนิสิตฝึกงานพวกเขาใจดีมากๆ ต้องขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ เพราะด้วยความหวังเล็กๆว่า เลือดแค่นี้อาจพอต่อชีวิตใครสักคนหนึ่ง ยามช่วงวิกฤตได้บ้าง คนที่ไม่เคยเจอ
ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาเขา สิ่งที่ไม่มีค่าเช่นเลือดถุงเล็กๆที่มันได้มาจากตัวของผมเอง หลังจากนั้นก็ยื่นบัตรและทำตามขั้นตอนปกติของสภากาชาด เป็นอันเสร็จขั้นตอน
หลังจากที่ออกมาจากห้องบริจาคถึงคราวที่ต้องกลับ
ได้แง่คิดดีๆครับว่า ร่างกายตัวเองทุกส่วนมีค่าทำไมกันหนา
คนเราชอบดูถูกตัวเองกันนัก?

ทำไมคนเราส่วนมากถึงคิดว่าตัวเขาเองไม่มีค่าล่ะ ที่ผ่านมาตลอดเวลา ผมชอบดูถูกตัวเองว่าไร้ค่า แต่พอได้ให้อะไรใครสักคนหนึ่ง ความสุขทางใจที่ได้รับได้เพิ่มมูลค่าในตัวผมเองอย่างแปลกๆ
ยังมีอย่างอื่นเยอะเลยครับ บริจาคหรือเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือกับมูลนิธิอีกมาก ตลอดจนความรู้เรื่องราวในอดีตของคนเรา ซึ่งบางทีที่มันอาจมีประโยชน์กับคนอื่น การให้แสดงความคิดเห็นและเรื่องราวที่ได้เขียนทิ้งไว้ในที่ไหนสักแห่งหนึ่ง อาจต่อชีวิตใครบางคนที่เราไม่รู้จักเขามาก่อน เช่น พันทิป ยูทูป ในเวบบอร์ดต่างๆ เมื่อยามท้อแท้ทุกคนจะหาทางออกให้ตัวเอง ข้อความเรื่องราวเล็กอาจทำให้เขาต่อชีวิตและเป็นสิ่งที่ส่งเขาไปยังคที่ต้องการ

ผมเชื่อของผมครับว่า ทุกๆการให้จะนำพาไปเจอสิ่งที่ีในชีวิตครับ ใครจะหาว่าสร้างภาพใช่ไหม ครับต้องการสร้างภาพ เพราะภาพที่มีแต่การให้สิ่งดีๆต่อสังคมคนรอบข้างบ้างถึงมันจะเล็กๆน้อยก็ตาม
คุณล่ะครับวันนี้อยากจะให้อะไรกับใครแล้วกำลังรออะไรอยู่ครับ

#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ


วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เมื่อวันที่ตังค์หมด...เกลี้ยง...!!!


“เงินไม่ใช่ทุกสิ่ง เพราะเงินเป็นได้ทั้งความสุขและความทุกข์”
 ฉลองต้นปีใหม่ปี 2560 ด้วยยอดเงินในบัญชีที่ต้องนำมาจ่ายหนี้ กยศ. ไม่เป็นไรใช่ป่ะ
หากผมจะเลือกจ่ายก่อนกำหนดนี่หนา เพราะไม่รู้ครับว่าข้างหน้าตัวผมเองต้องเจออะไร เอาน่าไม่ตายหาใหม่ได้
พอกลับมาที่บ้านเท่านั้นหละ เอาบัญชีของผมไปขี้นเงินเท่านั้นครับ เมื่อมานั่งทบทวนเงินทุกบาทที่หามาได้และนำมาจ่าย ผลที่ได้ก็คือ ความสุขระหว่างที่เจ้าเงินจำนวนนี้ไปใช้ในสิ่งผมสมควรจะทำครับ  นำไปใช้ซื้อหนังสือมาอ่าน นำไปจ่ายหนี้ให้ทางบ้านบางส่วน นำไปจ่ายหนี้ กยศ.และอื่นๆ ถึงหนี้ทั้งหมดจะไปหมดไปและเงินผมมันแค่น้อยนิดเอง
ตอนแรกที่ผมจ่ายเงินไปหมดจากบัญชี ผมเสียใจมากแทบจะเป็นประสาท รู้ไหมว่า คิดมากจนแทบจะร้องไห้
ไม่น่าเลย ตังค์เก็บไว้สำรอง6เดือน เรียบร้อย.....หื้อๆ แต่ เห้ย...แล้วที่ผ่านมาล่ะ

 เงินมันได้ใช้กับสื่งที่มันสมควรจะได้ใช้แล้วนี่หนา เพราะมันก็เขียนติดไงว่า...”พันธบัตรนี้ใช้ชำระหนี้ตามกฏหมาย” เขาให้เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่คุณควรจะใช้ นำมารับผิดชอบกับชีวิตคุณ ให้ผมนำมาเก็บเพื่อใช้ทำในสิ่งที่สมควรอยากจะทำ เพราะเงินมันคือ ความคิด พึ่งมาเข้าใจวันตังค์ไม่มี 555+
มันไม่ใช่เรื่องราววันที่ผมเก็บเงิน ไม่ใช่วันผมจ่ายเงินไป หรือเอาไปลงทุนต่อยอดเงิน แต่มันเป็นการบริหารจัดการ การฝึกการคิด การหาเงิน และอื่นๆ รวมก็คือ นิสัยเกี่ยวกับเงินสำคัญกว่า เพราะเงินหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นิสัยการเงินเป็นสิ่งที่ต้องสร้างต้องฝึกฝน ต่อให้มีคนให้เงินล้านแก่ผม ไม่ช้าผมก็ผลาญเรียบ หากไม่มีนิสัยทางการเงิน ไม่งั้นพวกถูกหวยส่วนมากไม่หลับมามีชีวิตย่ำแย่อาจยิ่งกว่าเดิม เอาเหอะหาใหม่ได้ยิ่งใจพร้อม เกลี้ยงบัญชีแต่ผลที่กลับมาก็เต็มที่เช่นกัน
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

มองภาพมองชีวิต






"ชีวิตคนเราจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับมุมมองที่เราจะให้มันเป็น"☺
อันเนื่องมาจากด้วยความที่เกิดอยากสนใจที่อยากจะถ่ายภาพขึ้นมาประกอบกับคันไม้คันมืออยากลองโปรแกรม  eyeem ซึ่งเป็นโปรแกรมถ่ายภาพจากมือถือ เห็นบทความ ลองอ่านดู เอาดิครับ ถ่ายดู็ก็ได้ เมื่อถ่ายไปบางรูปสวยใช้ได้ บางรูปถ่ายให้ตายก็ไม่สวย ภาพบางภาพที่ผมคิดว่าไม่น่าสนใจอะไรแต่กับคนที่เห็นกับมองว่าเป็นภาพที่สวยมากๆ ส่วนจะมีคนซื้อไหมอันนี้ทุกท่านที่อ่่านคงรู้คำตอบดีอยู่แล้วครับ มันจะขายได้ไหมนั้นไม่ใช่ประเด็นที่ผมอยากสื่อครับ
สิ่งที่ถ่ายมาเป็นรูปที่ผมถ่ายมาจากที่ใกล้ตัวเองล่ะ สิ่งรอบตัวเราเองนั่นหละครับ สิ่งที่กล้องถ่ายรูปจากมือถือที่มันอยากบอกก็คือ
สิ่งตาเราเห็นมันจะเป็นไปตามมุมมองที่เราให้กับมัน ว่ามันสวยงามแค่ไหน
หากภาพที่มองผ่่านตาเรามองมันว่าสวยงาม อะไรดีงามก็จะเข้ามาในชีวิต
หากภาพที่มองผ่านตาคู่นี้มันเป็นภาพที่เราว่าไม่สวยงาม เราอคติกับมันอะไรแย่ๆก็อาจเข้ามาในชีวิต
ชีวิตคือการเดินทางภาพหนึ่งภาพสื่ออะไรได้มากมาย
นี่คือภาพที่ลองถ่่ายมาครับ
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

จะเปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร

***๏๏จะเปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร๏๏***
"คนเราจะเปลี่ยนชีวิตได้ต่อเมื่อเขาคนนั้นมีเป้าหมาย"
เป็นคำพูดของพี่บอย วิสูตร แสงอรุณเลิศครับ
ในวันที่ท้อแท้หมดหวังคนเราคนหนึ่งๆ ทั้งคุณและผม เหมือนจะมีแรงบันดาลใจเล็กๆ ให้ลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เหมือนจะคันๆมือ ให้ลงมือที่จะเขียนอะไรสักอย่าง ต่อมาสิ่งเหล่านั้นได้บันดาลชีวิตของเขาและเธอให้เป็นจริง กระดาษแผ่นนั้น ได้มอบความสุขใจในชีวิตทุกวันแก่เขา บางครั้งก็ได้ผลตามที่ต้องการบางครา ที่เขียนไว้ก็ไม่ได้อาจคล้่ายๆหรือไม่ได้เลยก็มี ไม่ว่าอย่างไร ชีวิตมันต้องมีได้และไม่ได้บ้างเป็นธรรมดาครับ
เรื่องราวมีอยู่ว่า ในวันที่เขาท้อแท้ในชีวิตจนถึงจุดต่ำสุดในชีวิต ชายคนนั้นได้เขียนที่เขาอยากขอจากตัวเขาในอนาคต เขาเขียนมันออกมา ใส่กระดาษแล้วติดมันไว้ที่ฝาผนังบ้่านของเขา ต่อมาเจ้ากระดาษนั้นได้หลุดแล้วเก็บไว้ในที่มุม้ล็กๆในบ้่านของเขา เขาได้ทำสัญญากับตัวเขาเองในอนาคต ถึงกระดาษหลุดไปแต่ข้อความยังตราตรึงในใจของเขา เจ้ากระดาษได้บันดาลเรื่องราวต่างๆและมอบความสุขทุกวันในชีวิตของเขา ชีวิตชีวากลับมาอีกครั้งจากวันที่หดหู่ท้อแท้และสิ้นหวัง แล้วที่สำคัญกระดาษแผ่นนั้นมอบความสำเร็จ มอบคุณค่าที่ยิ่งใหญ่แก่ชีวิตเขา
กาลเวลาผ่านไปเน้นนาน อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นั้นได้เจอกับกระดาษที่ม้วนในซอกหลีบในห้องนอนของเขาเอง ข้อความที่ตราไว้ในวันที่เหน็ดเหนื่อยท้อแท้สิ้นหวัง ได้บันดาลแสงสว่างในชีวิตของเขาดุจตะวันที่ทอแสงในรุ่งอรุณยามเช้า ชายหนุ่มมองมันด้วยความตกใจและหน้าอิ่มเอิบด้วยความปิติยินดีในชีวิต
นั่นเป็นการพิสูจณ์และตอกย้ำกับตัวเขาว่า "ไม่มีอะไรเปลี่ยนชีวิตคนๆหนึ่งได้เท่ากับวันที่เขามีเป้าหมาย"
นี่เป็นเรื่องราวของชายคนนั้น ที่เขาต้องการส่องแสงสว่างให้กับผู้คนดุจแสงสว่างในยามเช้า เขาคือ
พี่บอย วิสูตรแสงอรุณเลิศ
วันนี้เราได้ลงมือืิเขียนเป้าหมายกันหรือยังครับ หากเพื่อนๆสนในหนังสืิอของพี่บอยเล่มที่ว่านี้คือ ชีวิตเปลี่ยนเพราะเขียนเป้าครับ

ให้กำลังใจเมื่อท้อแท้สิ้นหวังในชีวิต

เคยถูกด่่าว่าโง่ เคยเป็นที่หัวเราะเยอะ ตอนนี้หมดแรงหมดกำลังใจ หักหลัง โดนหลอก ตราหน้าจากสังคม ล้มเหลวกับการลงทุนลงแรง  สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ความฝันที่มีถูกหัวเราะ ล้อเรียนจากสังคม จะทำสักอย่างก็กลัว อยู่ที่บ้านแม่บ่นแฟนบ่นพ่อด่า อยู่แต่สังคมแย่ๆ เจอแต่อะไรลบๆ วันๆ  ใช้ชีวิตด้วยอยู่อย่างท้อแท้สิ้นหวัง ตอนนี้อยู่อย่างเค้วงคว้างล่องลอยไปไหนเหมือนเรือที่ไม่มีทิศทางในทะเลไม่มีทางออก และไม่ว่าตอนนี้คุณเจออะไร ไม่ว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน หรือ ทำอะไรอยู่ คุณไม่ใช่คนเดียวที่เจอแบบนี้ คุณกำลังมีเพื่อนๆเขาที่เจอแบบคุณ เชื่อสิ
"จงหยิบมันแล้วเรียนรู้มันเสียเถิด และอย่าหนีจากมัน ไม่ว่ายังไงมันต้องผ่านไปอยู่แล้ว แต่ก่อนจากเราต้องได้อะไรจากมันบ้าง"
ปัญหาทำให้เรามีชีวิต ปัญหาทำให้คุณเก่งขึ้น และเมื่อไหร่คุณเก่งขึ้น คุณจะรักและวิ่งเข้าใส่ปัญหา เพื่อให้ได้ปัญญาในการดำเนินชีวิต
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

กระแสผู้คน กระแสชีวิต



ในวันที่เลวร้าย ลองมองกระแสผู้คนที่เดินทางตัวคุณแล้วจะพบเจออะไรดีๆ
ย้อนไปตอน3ปีก่อน เมื่อผมทำงานประจำตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ฝึกหัด ที่ขอเรียนตามตรงว่าจบมาด้วยความอ่อนด้อยทางการเขียนโปรแกรมอย่างแรง เลยต้องแบ่งเวลาจากการทำงานส่วนหนึ่งมาเรียนเพิ่ม แต่มันยังไปไม่ถึงไหนสักที ทุกๆวันที่ทำงานจบลงด้วยความเหนื่อยล้าขนาดหนักและต้องมาเพิ่มทักษะอีก แต่การทำงานก็ไม่เอาอ่าวเลยสักที หอบงานมาทำอีก กว่าจะนอนก็ตกตีสองทำงานตอนเจ็ดโมง
ทุกๆครั้งที่ผมเลิกงาน ผมจะนั่งดูผู้คนที่เดินผ่่านไปมา คนแล้วคนเล่า ต่างคนต่างเรื่องราว ต่างสิ่งที่พบเจอมาในชีวิต ต่างเหตุ ต่างผล บางคนมีแรงบันดาลใจ บางคนท้อแท้ บางคนเหนื่อยท้อสิ้นหวัง บางคนมีความฝัน บางคนนั่งอ่านหนังสือแต่เขาสติไม่ดี บางคนเมานอนหน้าเซเว่น หลากหลายชีวิต หลายหลากจิตใจครับ ทำให้รู้อย่างหนึ่งว่า...
"เรายังดีกว่าใครหลายๆคนที่เดินทางในสายทางชีวิต"
เมื่อคิดได้แบบนี้จะยังพอมีไฟสู้กับหนทางที่เจอ และรอการเริ่มสิ่งใหม่ได้ทันทีเมื่อจิตใจพร้อมอะไรก็ง่าย
 การได้ดูผู้คนเหมือนกับการอ่่านหนังสือเลยครับ ก็ชีวิตมันคือการเดินทางนี่หนา..ทุกคนเองเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง

#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

5 เทคนิคออกจากพื้นที่สบาย



คนเรามักทำอะไรง่ายๆจนเคยตัว นานๆก็ก่อเกิดมาจนเป็นนิสัย จนมาพบเข้ามาประสิทธิภาพที่เคยมีเคยเป็นนั้นทดถอยลงไป ยิ่งคุณค่าความนับถือในตัวเองนั้นล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง
เคยเป็นไหมล่ะครับ คุณและผมเอง เราต่างติดอะไรที่มันคุ้น มันเคยชิน คนเราทุกคนพอถึงจุดหนึ่งของชีวิตอยากทีืจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นไม่มีใครอยากย่ำอยู่กับที่ ผมมีแนวทางสำหรับการพัฒนาตัวเองให้ออกจากพื้นที่สบายของคุณครับ
1.ออกไปสร้างแรงบันดาลใจ อาจเที่ยว นั่งอ่านหนังสือ ดูวีดีโอ หรือเข้าไปร่วมสังคมใหม่ๆ ไปในที่ไกลๆครับ เรื่องราวใหม่ๆ คุณจะได้มุมมองใหม่ๆในชีวิตครับ ประเด็นความคิดใหม่ๆนี่หละ บางทีอาจเจอเรื่องราวที่เปลี่ยนชีวิตคุณเลยก็ได้
2.ลงมือทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เรื่องใหม่ๆอะไรที่ทำแล้วอึดอัด อะไรที่ทำให้คุณดูโง่ๆนั่่นหละครับ งงๆนั่นหละที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น
3.ให้อะไรแก่ผู้อื่น คุณอาจบริจาคเงินให้กับมูลนิธิ การกุศล ไปบริจาคเลือด หรือทำกิจกรรมการกุศลต่างๆ หรือ การทำกิจกรรมอาจไม่ชอบ คุณอาจโพสบทความ เรื่องราวที่ทำให้คนอื่นที่ได้อ่านได้ฟัง ได้ดู สามารถนำไปใช้กับชีวิตเขาทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น

4.การยอมรับความเป็นจริงของชีวิต อาจเหมือนจะดูยากครับแต่การจะข้ามพ้นอะไรสักอย่าง การยอมรับความจริงคือสิ่งที่ต้องทำครับ จากนั้นลงมือทำ การพัฒนาตัวเอง สร้างสภาพแวดล้อมใหม่ๆ สร้างนิสัยใหม่ การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ จะเป็นเรื่องลองลงมาครับ
5. อยู่กับตัวเอง ครับจะได้รู้ไงว่าเราต้องการอะไร ผมชอบใช้เป็นประจำครับ ทุกทีจะได้แนวคิดใหม่ๆ การลงมือทำใหม่ๆ ความต้องการใหม่ อะไรที่มันผุดมาจากความคิดเป็นอะไรที่มีค่่มากครับ การแก้ปัญหาก็มาจากกการอยู่กับตัวเอง การออกจากพื้นที่สบายเองก็มาจากการสังเกตตัวเองครับ
สรุปคือ หากคุณจะออกจากพื้นที่สบายคุณต้องอยู่กับตัวเอง ยอมรับสิ่งที่เกิดแล้วลงมือทำอะไรสักอย่างครับที่คุณชอบและมันดีกับคุณเอง
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

แนวคิดสร้างเงินล้าน


 สืบเนื่องจากเห็นโพสหนึ่งจากหน้าเฟสส่วนตัวของเพื่อนผมเองที่ได้แชร์คำถามหนึ่งครับมาจากเพจหนึ่งซึ่งผมเองลืมไปแล้วจริง ^^!โพสมีข้อความบางช่วงบางตอนว่า...
"ถ้ามีเงินล้านแรกจะเอาไปทำอะไรดี"
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัว ขอเรียนผู้อ่านที่รักก่อนคือ ผมไม่เคยจับเงินล้านน่ะและไม่ใช่คนรวยอะไรด้วยครับ ทุกวันมีพอกินพอใช้สบายใจแล้วครับไม่เดือดร้อนใครชีวิตแบบนี้ผมพอใจแล้ว พอเพียงไม่เดือดร้อนครับ
มาต่อเรื่องนี้กว่า เราๆนี่หละจะหาเงินล้านได้ยังไงกัน บางท่านที่อ่านข้อความนี้อาจเอามันมาเป็นเป้าหมายเพื่อจะพิสูจณ์ตนเอง เพื่อบรรลุความต้องการของชีวิต ผมเองจึงสนใจเลยจงศึกษาค้นคว้าและดูคลิป อ่านบทความ ตลอดจนอ่่านประวัติส่วนบุคคลพอที่จะสรุปแนวคิดของพวกเขาที่สามารถทำมันจนสำเร็จตามแบบความเข้าใจของผมเองครับมาดูกัน
1.คุณจะหาเงินล้านได้ คุณต้องเป็นคนที่ได้เงินล้่านก่อน หมายความว่ายังไงล่ะครับ การที่จะหาเงินล้่านได้คุณต้องพัฒนาตัวเองครับ ลงทุนในความรู้ฝึกฝนตัวเอง นำแนวคิดคนที่ทำมันสำเร็จแล้วเอามาปรับใช้ เข้าสังคมคนที่ผลักดันคุณเองไปข้่างหน้า ปรับเปลี่ยนความคิด และยังมีิีอีกมากครับ กล่าวสั้นๆคือ "ศึกษาคนที่ทำมันสำเร็จมาก่อนมาปรับใช้ และปรับเปลี่ยนความคิดตัวเอง" ครับ
2.ล้มเหลวอย่างมีระบบ มันคืออะไร กล่าวคือ มันมีคนแค่10เปอร์เซ็นต์ที่ทำได้แล้วการล้มเหลวทุกครั้งมันจะทำให้เขาได้เรียนรู้ไง การสร้างหลอดไฟมาสักหลอดต้องล้มเหลวเป็นหมื่นๆครั้ง ดังนั้นการที่จะได้เงินล้านคุณจะต้องล้มเหลวแน่นอนครับ แต่จงเรียนรู้แล้วลุกให้ได้เร็วๆ ไม่ใช่ความล้มเหลวมันเป็นของดี งั้นคนที่ล้มเหลวก็รวยกันหมดสิ ปล่าวครับนั่นคือคนทั่วไปครับ คือ วิ่งหนี แต่พวกเขากลับเรียนรู้ หาข้อผิดผลาด หาโอกาส ทดสอบ วัดผล เพื่อทีืจะไม่ให้มันเกิดอีก เขาไม่หนี ทุกๆครั้งที่ล้มเหลวเขาจะเก่งขึ้น ผมชอบวลีนี้มากครับนั่นคือ"ชัยชนะไม่สอนอะไร แต่ความล้มเหลวและพ่ายแพ้สอนอะไรคุณมากกว่า"
3.การคิดอย่างเป็นระบบ การทำทุกอย่างในกระดาษ การวางเป้าหมาย วางแผนการ หาข้อมูล การรอคอยอย่างมีสติรอบคอบ ใช่ครับการติดตัวเลขเงินล้่านเอาไว้เป็นเป้าหมายแต่ไม่ลงมือทำ และการลงมือทำต้องมีแผนการ มีการคิดอย่างเป็นระบบมีแบบแผน กลุ่มคนพวกนี้จะวิ่งหาความเสี่ยงไงครับ ทำไมล่ะ เขารู้ไงครับเสี่ยงๆคนส่วนมากไม่ชอบที่จะลงมือทำเพราะกลัว แต่เขาเองก็กลัวแต่กลัวอย่างมีแบบแผน เมื่อกลัวก็รู้ว่ากลัวอะไรอยู่ เขาจะมีแผนการที่จะจัดการกับมัน ทุกๆอย่างคนส่วนใหญ่จะมองว่าโชคดี แต่จริงๆมันมาจากการเตรียมการไว้หมด
"การทำทุกอย่างในกระดาษหรือการบันทึกใส่อะไรจะช่วยให้ความคิดคุณเป็นระบบ"
กล่าวสรุปคือ
"จงแกะรอยคนที่ทำมันสำเร็จ ปรับมันให้ได้ในแนวทางของคุณ แล้วลงมือทำมันในแบบของคุณเอง"

ขอบคุณแง่คิดเงินล้านจากบรรดาเศรษฐีเงินล้านด้วยครับที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางส่วนจากพี่บอย วิสูตร แสงอรุณเลิศครับ
คุณลองนำไปลองปรับใช้ดูครับ ผมเป็นเพียงคนนำมาถ่ายทอดให้ เพราะคิดว่าน่าจะดีกับทุกคนจริงๆ ผลแห่งการปฏิบัติขึ้นอยู่กับตัวคุณเองครับ
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

เปลี่ยนความรู้เป็นรายได้ง่ายๆ10ขั้นตอน


“ผู้เชี่ยวชาญคือคนที่เป็นทั้งนักเรียนและผู้ถ่ายทอดในเวลาพร้อมๆกัน”

เพราะความเชี่ยวชาญโดยการลงมือปฏิบัติจริงในหัวข้อนั้นๆหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  ศึกษาค้นคว้าและการเป็นตัวอย่างที่ดี หากคนหนึ่งคนสนใจที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่คุณจะต้องเรียนรู้แล้วเข้าใจมันครับ

ขั้นตอนที่ 1 กล่าวอ้างและเชี่ยวชาญในหัวข้อหรือเรื่องของคุณ

การที่ตัวคุณเองพยายามเป็นผู้เชี่ยวชาญทุกๆเรื่อง ช่วงที่เริ่มต้นนั้นเป็นสิ่งที่แย่เสมอ ตัวคุณเองจำเป็นต้องเรียนรู้จนชำนาญพร้อมทั้งนำเสนอให้กับคนอื่นจนรู้จักหัวข้อนั้นดีพอก่อน จงเลือกการนำเสนอที่คุณรักและจะเรียนรู้มันเป็นดีที่สุด ของที่สุด ตัวอย่างเช่น หากวันนี้คุณพูดถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทำการนำเสนอมันอยู่ แต่วันดีคืนดีดันมาพูดเรื่องการออกกำลังกายซึ่งผู้ฟังคนที่ติดตามจะสับสนซึ่งไม่ค่อยจะดีนัก ดังนั้นในช่วงเริ่มต้นนั้นอาจไม่ค่อยเข้าท่าเสียเท่าไหร่นัก
 การเลือกหัวข้อที่จะสอนคนอื่นเหมือนกับการเลือกสิ่งที่รักและชื่นชอบในชีวิต บางครั้งมันเลือกคุณเองมากว่าที่คุณจะเลือกมันครับ ทีนี้เการพิจารณาเลือกหัวข้อที่สนใจและตัดสินใจ

1.เลือกที่จะสอนในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว ในเรื่อง หัวข้อที่คุณสนใจอยากที่จะเรียนรู้และมีความรักที่อยากเรียนรู้มัน
2.เลือกหัวข้อตามสิ่งที่คุณรักอยากที่จะทำมันครับ ยกตัวอย่างครับคือ  ถ้าลองมองย้อนกลับไปตลอดห้าปีที่ผ่านมาแล้วสังเกตว่าชอบซื้อบ้านหลุดจำนอง นั่นแสดงว่าคุณกำลังทำหัวข้อนั้นอยู่ ย้อนถามคุณครับว่า...อะไรคือสิ่งที่คุณรักและอยากปรารถนาจะทำอะไรในตอนนี้
3.คิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากเรียนรู้มาตลอด  ผู้เชี่ยวชาญเริ่มต้นจากการเป็นนักเรียนมาก่อน ไม่มีใครรู้อะไรทันทีครับ ทุกอย่างเริ่มตอนที่ไม่พร้อม จากนั้นศึกษาเรียนรู้มัน
4. พิจารณาสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตของตัวคุณว่ามีเรื่องราวอะไร เคยพบเจอเรื่องราวร้ายๆ ผ่านมันมาได้และอยากสอนคนอื่นๆ
5.อันนี้สำคัญที่สุดครับ เลือกหัวข้อหรือเรื่องที่สนใจอย่างน้อยๆ อีกห้าปี

ขั้นตอนที่ 2 เลือกกลุ่มผู้ฟัง

ใครที่คุณต้องการช่วยเหลือมากที่สุดในสายอาชีพใหม่ของคุณ อาจต้องออกไปอ่านตามกระทู้ต่างๆว่า ใครที่เจอปัญหาอะไรในเรื่องที่สนใจ พอแก้ไขอะไรให้เขาได้ เป็นเรื่องที่คุณรู้ คุณเก่งกว่าใครๆ หรืออาจรวบรวมข้อมูลมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้เขาได้ และต้องจำกัดวงของผู้ฟังให้แคบๆไว้ ต้องดูให้ออกว่าใครสนใจเรื่องราวที่คุณนำเสนอนั้นจริงๆ เพราะด้วยทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่ว่าแรง เงิน เวลา คุณไม่อาจสามารถเข้าถึงกลุ่มคนขนาดใหญ่ได้ครับ

ขั้นตอนที่ 3 ค้นหาปัญหาของผู้ฟังให้เจอ

ปัญหาในเรื่องที่สนใจ  การค้นหาเนื้อหา เรื่องราวที่คุณต้องการที่จะถ่ายทอดมันออกมานั้นตอบโจทย์ของเขา เป็นเรื่องที่เขากำลังพบเจอ สิ่งที่เราถ่ายทอดสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาชีวิตเขาได้ นี่คือคำถามเพื่อที่จะตามหากลุ่มผู้ฟังของตัวคุณ ตลอดจนสนใจเรื่องเดียวกันครับ
1.อะไรที่คุณพยายามทำสำเร็จในปีนี้
2.อะไรคือสิ่งที่คิดว่าจะทำ เพื่อหน้าที่การงาน หรือเพื่อความสุขของคุณ เพิ่มขึ้นสองเท่าในปีนี้
3.อะไรที่กังวลมากที่สุดในชีวิตของคุณ หรือในงาน ณ ตอนนี้
4.อะไรที่คุณพยายามทำปรับปรุงสถานภาพของคุณ อะไรได้ผลและไม่ได้ผล
การตอบคำถามเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจปัญหาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ครับ

ขั้นตอนที่ 4 อธิบายเรื่องราวของคุณ

“อะไรคือเรื่องราวอันยากลำบากในอดีตของคุณที่สามารถแสดงให้แก่ผู้ฟังของคุณว่า คุณได้ผ่านอะไรบางอย่างคล้ายๆกับพวกเขา”
อะไรที่เป็นจุดเชื่อมโยงได้ พอที่เขาจะเห็นครับว่าคุณเองเคยผ่านเรื่องราวนั้นมาก่อนเช่นเขา เป็นแบบเดียวกัน สามารถนำเรื่องราวของตัวคุณมาเป็นแรงบันดาลใจให้เขาได้บ้างเพื่อเป็นแสงสว่างให้กับชีวิต

ขั้นตอนที่ 5 สร้างหนทางสู่คำตอบ

มีวิธีการหลักๆ ความเป็นไปได้ที่ผู้ฟังจะสามารถเรียนรู้จากคุณ ทีนี้มาดูกันว่าคุณจะมีวิธีการส่งข้อมูลที่สนใจไปยังผู้ฟังได้อย่างไร
หนทางแรก การอ่านข้อมูล
หนทางที่สอง การรับฟังข้อมูล
หนทางที่สาม การติดตามผลงาน
หนทางที่สี่ การติดตามผลงานของคุณ
สุดท้ายครับ หากเขาต้องการที่จะเก่งและเชี่ยวชาญแบบคุณ คุณจะมีวิธีการแบบไหนที่จะสอนสิ่งที่เข้าใจถ่ายทอดไปยังผู้ฟัง

ขั้นตอนที่ 6 การสร้างเว็บไซต์

1.จงเพิ่มมูลค่าเว็บไซต์ของคุณ
2.เว็บของคุณต้องจัดเก็บผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมที่สนใจเอาไว้
3.เว็บของคุณต้องสร้างรายได้

ขั้นตอนที่ 7 การรณรงค์เกี่ยวกับสินค้าและรายการของคุณ

 การรณรงค์คือการส่งเสริมการขายอย่างมีลำดับแบบแผน ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมของผู้บริโภค กล่าวสรุปคือ การส่งข้อมูลที่ดีและมีประโยชน์ไปยังกลุ่มลูกค้าเช่น อีบุ๊ค หนังสือเสียง คอร์สอบรม ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวของเขามีประโยชน์และมีคุณค่าที่นำไปใช้ได้จริงๆ  หากของฟรีที่ให้ไปมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยลูกค้าคุณจะไม่กลับมาสนใจอีกเลยและต้องการคุณอีกต่อไป จำไว้ว่า....”ของฟรีที่ให้ขนาดนี้แล้ว ของเสียตังค์จะขนาดไหน”
ขั้นตอนที่ 8  การโพสเนื้อหาฟรี

การเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ฟังของคุณเอง ให้ประโยชน์แก่เขาเป็นหลัก การให้สิ่งที่ดีสู่ชีวิตของเขา โดยที่ผู้ฟังหรือคนที่ติดตามหัวข้อของคุณต้องสามารถนำสิ่งที่คุณโพสนั้นไปใช้ได้จริงและทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นตลอดจนแก้ปัญหาได้จริงๆ เป็นสิ่งที่คุณพบเจอมาหรือค้นคว้ามา แล้วคิดว่ามันจะมีประโยชน์ วัตถุประสงค์หลักๆครับนั่นก็คือ การเพิ่มมูลค่าบุคคลและเป็นสิ่งที่ดีงามอยากให้คนสำคัญของคุณได้อ่านมัน คุณรักและอยากจะให้อะไรดีๆกับใครเขาสักคน ให้ถือว่าตัวคุณเองก็คือคนที่อ่านโพสนั้นเอง การมองผ่านตัวเองก็เหมือนการมองอะไรผ่านคนอื่น จะกล่าวสรุปคือ จงให้ก่อนแล้วจึงได้รับครับ

ขั้นตอนที่9 หาผู้ส่งเสริมการตลาด

เป้าหมายแรกของคุณในการทำงานร่วมกับผู้ส่งเสริมการตลาดคือ หาโอกาสในการนำเสนอข้อมูลของผู้ส่งสารคนอื่นอยู่เสมอเพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมของเขา
เป้าหมายที่สอง แบ่งผลประโยชน์ที่ได้จากการขายผ่านลูกค้าหรือกลุ่มคนฟังของคุณ ให้ตัวแทนการขาย (affiliate marketing)เพื่อช่วยโปรโมทสินค้าของคุณ
ขั้นตอนที่10 ทำซ้ำและสร้างธุรกิจโดยมีความยอดเยี่ยมและการบริการเป็นพื้นฐาน
คุณค่าที่ 1 ความแตกต่าง
คุณค่าที่ 2 ความยอดเยี่ยม
คุณค่าที่3 การบริการ

 จะมีคำถามแล้วจะต้องทำอย่างไรดี....จะสรุปตามความเข้าใจของผมเองครับ
1.เลือกเรื่องที่สนใจครับ โดยง่ายที่สุดลองสังเกตตัวเองนั่นหละ มีอะไรที่ผ่านมาในชีวิตที่อยากเล่าให้คนอื่นฟัง ชอบอ่านอะไร ดูวีดีโอ หาข้อมูลอะไรเป็นประจำ ทุกๆเรื่องมีคนสนใจหมดครับ
2.สร้างการแบ่งปันเรื่องราวที่เราได้ศึกษามันมาในที่ต่างๆ คุณต้องเข้าไปช่วยเหลือใครๆก่อน อาจหากลุ่มหรือบอร์ดที่ให้เราแสดงความเห็นได้แล้วคุณเขียนบทความดีๆ หรือตอบคำถามคนที่เขาต้องการคำตอบ จำไว้ว่า ให้ก่อนจึงจะได้รับ
3.จากนั้นพอมาสักระยะหนึ่ง เพื่อดูว่าเราเข้าใจคนฟังและเข้าใจเรื่องที่ได้ศึกษาแล้ว เปิดเฟชบุ๊คแฟนเพจหรือช่องยูทูป หรืออะไรสักอย่างที่เขาสามารถติดตามผลงานของคุณได้ เพราะคนเหล่านี้ที่ติดตามเขาจะซื้อของคุณแต่มีข้อแม้ว่ามันต้องดีจริงๆ
4.การลงมือทำคือทุกสิ่ง ผู้เชี่ยวชาญคือคนที่ต้องศึกษาทุกเรื่อง อย่าหยุดเรียนรู้ ลงมือทำในสิ่งใหม่ๆ แต่ในการสร้างตัวคนคุณต้องเอาหัวข้อของตัวเองตลอด ผมได้ฟังพี่บอย วิสูตรจากคลิปยูทูปครับว่า พี่เขาศึกษาเรื่องการเขียนฟอนทำไงให้สวย ออกแบบปก การออกแบบเว็บยังไงให้สวยทั้งๆที่พี่เขาทำแต่เรื่องพัฒนาตัวเองน่าจะพอแล้ว แต่มีคำพูดหนึ่งครับที่ผมชอบมากๆคือ”คนเราเป็นอะไรได้อีกมากขึ้นอยู่กับคุณค่าที่ให้กับตัวเอง”
ดังนั้น ไม่มีใครทำอะไรเป็นวันแรกหรอกครับ ทุกอย่างเราเรียนรู้ได้ อยู่ว่าจะชอบมันหรือเปล่า
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
www.startyourway.com
www.leaderwings.co

#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

[b]มีความสุขแล้วค่อยประสบความสำเร็จได้ไหม..?[/b]

แต่ก่อนใครๆก็บอกกันนี่หว่า ว่ามีประสบความสำเร็จแล้วถึงจะมีความสุข
แต่ผมเชื่อว่า มีความสุขแล้วค่อยประสบความสำเร็จ ผมเชื่อของผมแบบนี้เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์กับคุณบ้างครับ
  คนเราทุกคนต่างมีความต้องการของชีวิต มีเป้าหมายเอาไว้พุ่งชน มีสิ่งที่อยากจะทำแต่การจะไปถึงนั้น บางครั้งมันอาจก่อความทุกข์มากกว่า บางครั้งกำลังที่จะหาสิ่งที่ไม่ใช่ มันแย้งในใจลึกๆว่าไม่ต้องการมันแล้ว เมื่อคนนั้นเขาได้มันมาแล้วจะทิ้งมันไปเพราะ....คิดว่ามันไม่คู่ควร
 อะไรๆที่มันบีบรัด อะไรที่กดดัน อะไรที่มันให้ความทรมานใจ มันใช่สิ่งที่แสวงหาเหรอครับ...?
  แต่บางเรื่องทำแล้วกลับเป็นสุข บางแล้วมีคนชอบ เราชอบ เงินก็ไม่ได้ แต่อยากทำ เป้าหมายที่ดีต้องปรับได้ เอาที่ชอบที่พอใจ ไม่ใชไปลอกใครมา อะไรที่ทำให้เรามีความสุขใส่ลงไปในเป้าหมายเถอะครับ มันไม่ผิดอะไรหรอกครับ ตำรวจไม่จับ
  มีเรื่องราวที่อยากเล่าเป็นกรณีศึกษาครับ คือผมเคยมีเป้าหมายคือ “อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ให้ได้ในระยะเวลาสองปี ผมจะเรียนรู้ทุกภาษาในโลก เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม “
 คนโง่ที่สุดยังรู้ครับว่าเป็นไปไม่ได้ ครับผมยอมรับครับ ไม่มีใครที่โดนหลอกแล้วเจ็บที่สุดเท่า ตัวเองหลอกตัวเอง สาเหตุคือ “ไปเอาเป้าหมายคนอื่นมาอยากได้เงินเดือนขึ้น.!!! "
  เมื่อเขียนมันติดผนังห้องตอนทำงาน รู้ไหมตอนแรกน่ะผมมีแรงฮึกเฮิมมาก ทุกเช้าตอนตื่นผมอ่านหนังสือ หลังเลิกผมมาฝึกเขียนโปรแกรม เสาร์และอาทิตย์ต่อทั้งวัน แต่ร่างกายและจิตใจมันต้านว่า มันไม่ใช่ มันเตือนว่า ผมมาผิดทางแล้วน่ะ เพราะผมไม่มีความสุขเลยทุกครั้งที่ทำมัน ผมบีบรัดตัวเอง นอนแค่วันล่ะ4ชม. เครื่องดื่มชูกำลังเอาให้หนัก ผมเพลียมาก ....งานเหรอครับ คุยกับทุกคนที่ทำงานไม่รู้เรื่อง เบลอขนาดนั้นนี่ ประสิทธิภาพและผลในงานการงานน่ะ ลดถอยลง จนหัวหน้าแผนกทำงานเรียกไปเตือนครับว่า “สิ้นเดือนให้เตรียมตัว ผมอาจต้องถูกออก ครับยังบ้ากับเป้าหมายต่อไป “
บทสรุปของเรื่องคือ เป้าหมายก็ไม่ได้เพราะท้อผมเลิก ส่วนที่ทำงานขอให้ลาออก...โง่ไหมครับ
เป้าหมายที่ดีต้องชัดเจน ไม่กว้าง วัดผลได้ ปรับได้ตามใจ อะไรที่ไม่ชอบก็ทิ้งเสีย เอาความสบายใจ ความสุข ไม่มีใครว่าอะไรหากจะตัดมันทิ้งแล้วแทนที่สิ่งที่รู้ตอนหลังว่า ต้องการมันจริงๆ หากผมนึกได้ชีวิตคงจะมีความสุขกว่านี้ก็ได้
แล้ว...อะไรบ้างในตอนนี้และที่ผ่านมาที่ทำให้คุณมีความสุขบ้างครับ อย่าไปลอกใครครับ เขาหาเงินล้านปล่อยเขา บางทีอาจไม่ใช่สำหรับคุณก็เป็นไปได้

ผมมีคำถามครับ เป็นคำถามที่ได้มาจากการเดินทางหลังที่ลาออกงานมา?
"จำเป็นไหม ที่ใครสักคนหนึ่งจะมีความสุขในทุกวันของชีวิต มันจริงด้วยเหรอที่ต้องรวย ต้องสร้างธุรกิจตามที่หนังสือแต่ล่ะเล่มบอก คุณต้องรวยต้องสำเร็จถูกสื่อสัมภาษณ์  คุณต้องสร้างทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสดก่อนใช่ไหม หรือ จะต้องเป็นไปตามที่เส้นทางของผู้คนอยากให้เป็น ?"
เราเลือกชีวิตของตนเอง งานอยู่กับงานที่รัก ใช้ชีวิตตามแบบที่ตนเองเลือก ชีวิตที่ไม่หรูหรา อยู่กับทุกวันของชีวิตอย่างมีความสุข คิดแบบนี้คงไม่น่าจะผิดอะไรมากใช่ไหม ผมคิดของผมเองน่ะ
"จำเป็นไหม ที่ใครสักคนหนึ่งจะมีความสุขในทุกวันของชีวิต มันจริงด้วยเหรอที่ต้องรวย ต้องสร้างธุรกิจตามที่หนังสือแต่ล่ะเล่มบอก คุณต้องรวยต้องสำเร็จถูกสื่อสัมภาษณ์  คุณต้องสร้างทรัพย์สินที่ให้กระแสเงินสดก่อนใช่ไหม หรือ จะต้องเป็นไปตามที่เส้นทางของผู้คนอยากให้เป็น ?"
เราเลือกชีวิตของตนเอง งานอยู่กับงานที่รัก ใช้ชีวิตตามแบบที่ตนเองเลือก ชีวิตที่ไม่หรูหรา อยู่กับทุกวันของชีวิตอย่างมีความสุข คิดแบบนี้คงไม่น่าจะผิดอะไรมากใช่ไหม ผมคิดของผมเองน่ะ
#ความสุขในการใช้ชีวิต by แดน อิสรภาพ